เวลาสองทุ่มเศษ, ย่านฝั่งธน กรุงเทพมหานครภายในบ้านไม้สองชั้นสภาพครึ่งเก่าครึ่งใหม่ หญิงสาวคนหนึ่งกำลังดูโทรทัศน์อย่างใจจดใจจ่อในห้องนั่งเล่น ดวงตากลมโตสีดำเบิกกว้างและเป็นประกายแทบไม่กะพริบตา เหงื่อซึ่งผุดตามกรอบใบหน้ารูปไข่และผิวเนื้อขาวอมชมพูบ่งบอกอารมณ์ตื่นเต้นลุ้นระทึกสุดขีด ผมซึ่งผ่านการย้อมเป็นสีน้ำตาลและม้วนลอนสวยถูกมัดเป็นมวยอย่างลวกๆ เสื้อเชิ้ตแขนยาวปลดกระดุมจากด้านบนสองเม็ด เผยให้เห็นเนินอกอวบอิ่มที่อัดแน่นอยู่ภายใน กระโปรงทรงเอถูกรั้งขึ้นสูงเหนือขาอ่อน และสูงขึ้นไปกว่านั้นเมื่อเธอนั่งไขว่ห้าง...สภาพของเธอคือสาวออฟฟิศหลังเลิกงานที่ใฝ่หาความสำราญมาดับอารมณ์หงุดหงิด (ที่เกิดจากรถติดและอากาศร้อนอันดับต้นๆ ของโลก)
‘มัณฑนาวี อิสรภาพ’ คือชื่อของเธอ แต่เกือบทุกคนเรียกเธอว่า ‘แพง’
เธอคือหญิงสาววัยยี่สิบห้าที่มีความมั่นใจในตัวเองสูง มีอาวุธชั้นดีคือหน้าตาที่สวยงามอย่างไทย ตาโตสองชั้น จมูกโด่งกำลังดี ริมปากอิ่มสวย แต่ด้วยความที่มีรสนิยมคลั่งไคล้ดาราตะวันตก เธอจึงกลบความงามแบบไทยๆ ด้วยการใส่คอนแทคเลนส์ ย้อมสีผม แต่งหน้าแต่งตัวเลียนแบบฝรั่งบ้าง เกาหลีบ้าง จนถูกเข้าใจผิดว่าเป็นลูกครึ่งบ่อยๆ
นอกจากความสวยแล้ว เธอยังมีความสามารถเป็นเลิศ จบจากมหาวิทยาลัยชื่อดังของประเทศ พูดได้สามภาษา ปัจจุบันทำงานเป็นครีเอทีฟบริษัทผลิตสื่อโฆษณาที่มีชื่อเสียง ด้านชีวิตส่วนตัวก็ราบรื่นไร้ปัญหา มีชายหนุ่มมากหน้าหลายตาต่อแถวมาจีบไม่เว้นแต่ละวัน (แต่เธอยังไม่สนใจเรื่องนั้น) เรียกได้ว่าชีวิตกำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น
แต่แพงไม่ค่อยชอบสิ่งที่เป็นอยู่เท่าไหร่ ออกจะเบื่อมันด้วยซ้ำไป...เธออยากหลุดจากวงโคจรของพนักงานบริษัท หลุดจากการจราจรแย่มหาวิบัติของเมืองหลวง หลุดจากความวุ่นวายหลายอย่างที่บั่นทอนสุขภาพกายและใจทุกวัน แต่ก็ทำได้แค่คิด เพราะเอาเข้าจริงเธอกลัวการเปลี่ยนแปลง อีกอย่างรายได้ของงานทุกวันนี้ก็อยู่ในระดับน่าพอใจ และงานที่เธออยากทำจริงๆ ก็บ้าบอเกินกว่าจะบอกใคร
YOU ARE READING
เชลยรักข้ามภพ
Historical Fiction'แพง' หญิงสาวโชคร้ายได้ย้อนอดีตไปบางระจันสมัยสองร้อยกว่าปีก่อน ถูกทหารพม่าจับเป็นเชลย และสังเวยเป็นเมียบำเรอแก่นายกองรูปงามนาม 'อาวี' ท่ามกลางสงครามและความเกลียดชัง ความรักต้องห้ามได้ก่อตัวขึ้น.