ตอนที่ 2 ไฟที่ก่อตัวอย่างช้าๆเขายิ้ม
นี่คือความประทับใจเแรกของผมที่มีต่อเขา เพือนร่วมงานในอนาคต สวี่เว่ยโจว
ผมกำลังคุยอยู่กับเจ้ไข่อยู่ในห้องประชุม อยู่ๆก็มีคนมาเคาะประตู พอเจ้ไข่อนุญาติ คนแปลกหน้าคนนี้ก็เปิดประตูเข้ามา
เขาทักทายเจ้ไข่จากนั้นก็สายตาเราก็สบกัน รอยยิ้มที่สดใสปรากฎบนริมฝีปากเขา เขาพยักหน้าทักทายก่อนที่จะนั่งลง ขณะที่เขากำลังคุยอยู่กับเจ้ไข่ ผมก็สังเกตเขา เขาคงอายุน้อยกว่าผม อาจจะสัก 2 ถึง 3 ปี เขามีรูปร่างที่บางกว่าผมแต่พอเขาขยับเปลี่ยนท่าทาง ผมก็รู้ทันทีว่าเขาดูแลรูปร่างตัวเองเหมือนกัน บางทีเขาอาจจะเล่นฟิตเนสด้วย หัวของเขาโยกไปโยกมาอย่างสนุกสนานตอนที่เขาพูด ตาของเขาเปล่งประกายและเรียวยาวตอนเขายิ้ม
สวี่เว่ยโจวยิ้ม
แต่สวี่เว่ยโจวเปลี่ยนไปทันทีเมื่อเราแสดงบทบาทของกู้ไห่และไป๋ลั่วอิน
"นายมีปัญหาอะไร ถ้าไม่มี ก็อย่ามากวนฉัน" ตาของสวี่เว่ยโจวมันแข็งกร้าวและเย็นชา หายไปแล้วสายตาที่ดูอบอุ่นและสดใส ปากของเขาเรียบตึง น้ำเสียงฟังออกน่ารำคาญ แตกต่างจากน้ำเสียงก่อนหน้านี้
"ฉันแค่ขอให้นายเก็บไม้บรรทัดให้ คงไม่เหนือบ่ากว่าแรงอะไรนะ"
แม้ว่าน้ำเสียงของเขาจะเปลี่ยนเป็นโทนที่อ่อนขึ้น แต่ก็ยังแสดงท่าทีที่ไม่เป็นมิตรอยู่ดี แต่ละคำที่ออกมาช่างเย็นชา เวลาที่สวี่เว่ยโจวพูดออกมามักทิ่มแทงลงไปในใจผม
ผมรู้สึกบางอย่างที่รุ่มร้อนกำลังก่อตัวขึ้นอย่างช้าๆกับผม ไมใช่ความโกรธ ความโมโห ความรุ่มร้อนที่เกิดขึ้นคือแรงกระตุ้นให้ผมหันหน้าเผชิญกับความเย็นชาของเขา ผมจินตนาการถึงไม้บรรทัดและก้มลมเก็บมัน แล้วตบมันแรงๆลงบนโต๊ะตรงหน้าเขา ผมหันกลับไปนั่งที่ของตัวเอง พยายามที่จะควบคุมความรุ่มร้อนในใจในขณะที่จ้องมองไปที่เขา
ŞİMDİ OKUDUĞUN
Love that Bloom (Thai trans.)
Hayran Kurguแฟนฟิคเรื่องนี้ได้รับอนุญาตจากเจ้าของเรื่องให้สามารถแปลเป็นภาษาไทย This fan fiction is allowed by the author to translate in Thai already. ไม่อนุญาตให้นำออกไปใช้ในเชิงพาณิชย์ ผู้แปล ไม่ใช่นักแปลเมืออาชีพ ดังนั้น คำพูดอาจจะไม่สวยหรู แต่พยายามที่จะขุด...