สนามเด็กเล่นของหมู่บ้านไม่เคยเป็นสถานที่เงียบสงบมาก่อน เพราะมันมักจะเต็มไปด้วยเสียงครืดคราดเสียดสีกันไปมาของเครื่องเล่น เสียงหัวเราะของเด็กๆ และเสียงพูดคุยกันของสมาคมแม่บ้านทั่วไป เอาเข้าจริงๆ ผมก็จินตนาการไม่ออกหรอกนะว่าทำไมหลายปีผ่านมามันถึงถูกปล่อยให้ทิ้งร้างแบบนั้นเครื่องเล่นต่างๆ ในตอนนั้นยังคงมีสีสันที่สดใสสวยงามเพราะมันยังไม่ได้ถูกทำร้ายจากกาลเวลา ผมในตอนนั้นเพิ่งจะอายุสิบสอง กำลังเดินกลับบ้านหลังเลิกเรียน อุณหภูมิในฤดูใบไม้ร่วงไม่ได้หนาวเย็นอะไร ออกจะให้ความรู้สึกเย็นสบายเสียมากกว่า แล้วแสงแดดในตอนเย็นๆ ก็ยังอบอุ่นอยู่ด้วย
พวกเรา...ไม่สิ ผมหมายถึงจองกุกกับผมมักจะชอบเดินกลับบ้านด้วยกันเสมอ และระหว่างทางก่อนที่จะถึงโซนที่เป็นหมู่บ้าน ก็ต้องมาเจอกับสนามเด็กเล่นก่อนทุกครั้ง จองกุกชอบทำสีหน้าซุกซนขณะที่ส่งสายตาเว้าวอนมาที่ผมเหมือนกับทุกที ซึ่งมันค่อนข้างทำให้รู้สึก...แปลกๆ
"ให้ตายสิ นายเป็นเด็กแปดขวบหรือไง"
"นายเองก็ไม่ได้โตขึ้นจากเมื่อตอนแปดขวบเท่าไหร่เลยนีนา"
ก็ต้องยอมรับเลยว่าหน้าชาไปหลายส่วน ผมจำได้เพียงแต่ว่าในตอนนั้นผมมองไม่เห็นอะไรอีกนอกจากรองเท้าของตัวเอง ซึ่งพอลองย้อนมาคิดดูตอนนี้ก็ตลกดี จองกุกมักจะล้อเลียนผมเรื่องการเจริญเติบโตอยู่เป็นประจำ แต่ทว่าเขาก็เป็นคนเดียวล่ะนะที่เข้ามาปกป้องผมในตอนที่ผมมักจะโดนคนในโรงเรียนแกล้งเรื่องเล็กๆ น้อยๆ อยู่ตลอด เขายังเคยบอกด้วยว่า
"ฉันน่ะ ล้อนายได้คนเดียวเข้าใจมั้ย?"
น้ำเสียงทุ้มของจองกุกดังขึ้นพร้อมๆ กับน้ำเสียงของเขาที่อยู่ในความคิดผมได้อย่างตรงจังหวะพอดีเป๊ะ และนั่นแหละที่ทำให้ผมยอมเงยหน้าขึ้นมามองเขาอีกครั้ง ดวงตาของเขาเป็นประกายท่ามกลางแสงแดดยามเย็นสีอ่อนที่ทอแสงมาจากสุดขอบโลก เส้นผมสีดำสนิทของเขาพริ้วไหวตามสายลมเล็กน้อย และมันก็ตามมาด้วยเสียงของใบไม้แก่ๆ ที่ลากยาวไปตามพื้นถนน
"อา..นั่นมันไม่ยุติธรรมสักนิดเพราะฉันหาเรื่องติอะไรในตัวนายไม่ได้นี่"
"นั่นมันไม่ใช่ปัญหาของฉันสักหน่อย"
ก็อย่างที่บอก จองกุกน่ะ น่าหมันไส้แบบนี้เสมอนั่นแหละ
"มาเถอะ ยังเหลือเวลาอีกเยอะค่อยไปเล่นเกมที่บ้านฉันก็ได้น่า" ในที่สุดจองกุกก็ทนไม่ไหว เขาเอื้อมมือมาจูงแขนของผมให้เดินตามเขาเข้าไปด้านในทันที แต่มีหรือที่ผมจะยอม แต่ถึงจะขืนตัวเองเท่าไหร่ก็ไม่เป็นผลอะไรหรอกนะ
พวกผู้ใหญ่ที่พาเด็กตัวเล็กๆ มาวิ่งเล่นที่สนามเด็กเล่นกึ่งสวนสารธารณะประจำหมู่บ้านต่างก็ยิ้มเอ็นดูให้กับพวกเรา จองกุกน่ะมักจะเป็นเด็กที่ได้รับความเอ็นดูจากคนทุกคนอยู่แล้วเพราะเขาเป็นเด็กฉลาด และมีมารยาท รู้จักวางตัวต่อผู้ใหญ่ ไม่เหมือนผมที่หัวรั้น สมองช้า แถมการเรียนก็ยังงูๆ ปลาๆ จนเรียกได้ว่าเทียบกับจองกุกไม่ติด
แต่ถึงจะถูกมองว่าพวกเราไม่เหมาะสมจะเป็นเพื่อนกันมากแค่ไหน จองกุกก็ไม่เคยทำให้ผมรู้สึกแบบนั้นได้เลยสักครั้ง
"นายอยากนั่งชิงช้ามั้ย..ฉันจะไกวให้"
"อื้ม..."
มันเป็นยามเย็นในฤดูใบไม้ร่วงอีกวันหนึ่งที่ผมลืมไม่ลง แสงแดดสีส้มกับใบไม้แห้งที่ร่วงโรยลงสู่พื้นดิน จองกุกที่มักจะมีรอยยิ้มสดใสบนใบหน้าเสมอ กับชิงช้าสีสันสดใสที่ถูกไกวจากมือหนา พวกเราอาจจะเป็นเด็กจนไม่รู้จักความรัก แต่อย่างน้อยช่วงเวลานั้นมันก็ทำให้ผมรู้สึกได้แล้วว่า
จองกุกยังคงเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดเท่าที่ผมเคยมีมาในชีวิต
Jimin
25/1/2018