อากาศที่ร้อนอบอ้าวดั่งไฟในอเวจีก็มิปาน ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งสวมแว่นตาดำและไม้เท้าสำหรับคนตาบอดกำลังยืนนิ่งท่ามกลางผู้คนที่มีชะตากรรมร่วมกัน....ไม่สิ การข้ามถนนนั้นเป็นชะตากรรมของเขาแต่เพียงผู้เดียว
สองหูและจมูกที่รับสัมผัสไวเกินกว่าคนปกตินั้นเป็นเรื่องธรรมดาของคนพิการอย่างเขาที่จะต้องฝึกให้ประสาทสัมผัสที่เหลืออยู่พัฒนาการให้ยิ่งขึ้น...แต่ทว่าตอนนี้นั้นร้อนเกินจะทนทั้งเหงื่อที่ไหลและเสียงจ๊อกแจ๊กจอแจของเหล่ามนุษย์ที่มีฝีปากปานนกกระจิบแตกรัง... เดิมทีการข้ามถนนของคนตาบอดนั้นอาจจะมีคนมาช่วยพยุงบ้างแล้วต้องใช้สมาธิสุดๆแต่วันนี้เห็นทีต้องช่วยตัวเองซะแล้ว...
เสียงฝีเท้าที่เริ่มเดินกันอย่างรีบเร่งนั้นทำให้เขารู้ว่าตนต้องก้าวขาเดินไปข้างหน้าให้ทัน
"แม่ขาทำไมพี่ชายคนนั้นถึงใส่แว่นดำล่ะคะ แสบตาขนาดนั้นเลยเหรอ? แล้วๆไม้เท้าอันนั้นด้วย "
โถ..เด็กหนอเด็ก ต้องเด็กขนาดไหนถึงไม่รู้ว่าเขานั้นตาบอด? ...แต่ช่างเถอะ อย่างไรเสียทั้งชีวิตที่ผ่านมาก็เจอคำถามแบบนี้เป็นประจำอยู่แล้ว
"ไม่เอาจ่ะ ไม่ยุ่งเรื่องของพี่เขาสิ รีบเดินเถอะ"
คุณผู้หญิงที่กล่าวตักเตือนลูกนั้นหารู้ไม่ ว่าชายหนุ่มที่ถูกกล่าวถึงยกยิ้มมุมปากด้วยความขบขัน...
'ไม่เอาไม่ยุ่ง ' ถ้าแปลให้สถุลลงมาหน่อยก็คงจะเป็น.....ละมั้ง"กรี้ดดดดดดด!!!"
เสียงกรีดร้องของหลายคนดังขึ้นในขณะที่เขาก้าวไปข้างหน้า ถึงรู้ว่าตนนั้นเดินมาตรงตามถนนอย่างแน่นอน และบัดนี้ไม้เท้าแตะขอบฟุตบาตเรียบร้อย ..อีกแค่ก้าวเดียวก็ขึ้นไปบนเขตปลอดภัย
ทว่ากรรมซัดกรรมซ้อนหรืออะไรที่ทำให้เขาต้องตัวลอยขี้นจากผืนดิน เพียงเสี้ยววินาทีที่ผู้คนแตกตื่น เสียงตะโกนโห่ร้องด้วยความตกใจ และความเจ็บที่แล่นริ้วเข้ามาในกาย
....เปลี่ยนเป็นความชาหนึบชนิดที่ว่าอื้ออึงไป
ทุกอนูเส้นประสาท....
YOU ARE READING
ขออภัย ข้านั้นมิใช่คนเดิม(กลับชาติ)(BL)
Romanceอะไรที่ทำให้เด็กคนนี้อ่อนแอถึงขนาดคนรอบข้างไม่เห็นหัว? "น้องชายข้าเปลี่ยนไป..." "แน่นอนว่าไม่กลับมาอีกแน่..คนๆได้ตายไปแล้ว (ตายจริงๆ)"