พุทธศักราช ๒๕๐๔
'ดอกแก้วแก้วแพร้วแก้วตา
บ่ลาบ่ทิ้งกลิ่นหอม
งามล้ำเจ้าพวงพยอม
หวานล้อมดังจอมดวงใจ'
.
.
.
.กลิ่นหอมชื้นของปลายฝนละล่องในไอเย็นของต้นหนาว
ดวงอาทิตย์คล้อยต่ำ สาดแสงแสดเข้มย้อมทั่วแผ่นฟ้า สลับตัดกับเงามืดของหมู่ไม้และแมกเมฆ ทอดลวดลายสลับสันสีลงบนผืนดิน
พอฟ้าเริ่มคล้ำ คนที่เคยคล่ำก็ค่อย ๆ สลาย ร้านค้าร้านขายเริ่มทยอยปิดประตูหน้าต่าง ทางเท้าว่างโล่ง ไร้คน เศรษฐีมีรถราก็ต่างพากันออกถนน เรือหางยาว เรือเมล์ เรือสปีดโบ้ทก็แล่นตัดเจ้าพระยากันให้ฉิว ทุกคนต่างมุ่งชิงกันกลับบ้าน เป็นความโกลาหลอื้ออึงของบางกอกในย่ำค่ำ
ดวงตาสีครามทะเลไล่มองตึกแถวที่เรียงแน่นเต็มสองข้างถนน ก่อนจะขมวดคิ้วเมื่อนึกสงสัย ชาวบ้านร้านตลาดพวกนี้เขานอนกันลงได้อย่างไรกันหนอ ทั้งเสียงรถเสียงคน โหวกเหวก น่าอันนอยเหลือ ไหนจะกลิ่นควันรถ ดูซิ กองขยะนั่นอีก พระเจ้าช่วย
โชคดีเหลือเกินที่ที่ ๆ เขาจะไปอยู่ห่างไกลจากความอึงอลของกลางเมือง
สัญญาณไฟเปลี่ยน รถแรมเบลอร์สีฟ้าเขียวบดเคลื่อนไปตามทางลาดยาง ท่องเอื่อยไปตามความมัวมนของคล้อยค่ำ ท่องไปไม่นานป่าปูนก็บางตา แทนเข้ามาด้วยความครึ้มเขียวของทิวไม้ ทอดยาวขนาบทางไปจนสุดสายตา
ชายวัยกลางคนลดกระจกรถ ปล่อยให้ลมค่ำลอดผ่าน ขณะมือเอื้อมหมุนพวงมาลัย พาตัวเองเลี้ยวเข้าไปในถนนสายเล็ก มุ่งสู่สถานที่ที่เขาเรียกได้อย่างเต็มคำว่าเป็นบ้านหลังที่สอง

YOU ARE READING
ลั่นทม (CNTC)
Fanfiction'ลั่นทมน้อยรอคอยคนลอยลม หลอกชิดหลอกชมสมอุรา ลั่นทมตายรอคอยถ้อยสัญญา คนร้างลาไม่เลยจะหวนคืน'