"ทำไมถึงเป็นแบบนี้!"
ฉันโดนตำหนิเรื่องการงานแต่เช้า ครั้งนี้พ่อดูเหมือนจะโกรธมากกว่าทุกครั้ง
"ไม่ได้เรื่อง!"
พ่อบ่นพร้อมกับกุมขมับแล้วขว้างกระดาษใบนั้น ส่วนฉันก็ได้แต่มองดูและก้มหน้าสำนึกผิด
"ออกไปได้ละ"
เขาพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด
ฉันเดินออกมาจากห้องทำงานของพ่อ คงไม่แปลกที่พ่อจะโมโหเพราะมันเกี่ยวกับเงินในบริษัทและภาพลักษณ์ชื่อเสียงของบริษัทแต่พ่อคงไม่คิดว่าฉันจะรู้สึกอย่างไงเมื่อพ่อสบถด่าฉันออกมา
ฉันหยิบโทรศัพท์เพื่อโทรหาเพื่อน
"ว่าไงมึง"
ออยรับสายฉันอย่างรวดเร็ว
"คืนนี้ว่างเปล่ามึง"
"ไม่ว่างเลยว่ะ วันนี้ยุ่งทั้งวันเลย ขอโทษนะมึง"
มันพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนๆ จึงทำให้ฉันรู้ว่ามันคงไม่ว่างจริงๆ
"ไม่เป็นไรๆ"
"โทษทีนะมึง"
ฉันวางสายและนั่งคิดเกี่ยวกับเรื่องงานว่าฉันควรจะทำยังไงต่อ แก้ปัญหาอย่างไร
ก๊อกๆ
ยังไม่ทันจะได้คิดก็มีเสียงเคาะประตูเข้า
"คุณอัคคีกลับมาจากต่างประเทศแล้วนะคะ"
เลขาพิมพ์ คนที่ช่วยงานฉันตลอดเวลาและคอยรายงานเรื่องที่เกี่ยวกับบริษัทอยู่บ่อยๆ ไม่แปลกที่ฉันจะถูกใจเลขาคนนี้มาก
"อืม แล้วไง"
"คุณท่านให้ฉันมาเรียนว่าให้คุณแพรพลอยเป็นคนฝึกงานและคอยให้คำปรึกษาคุณอัคคีค่ะ"
พ่อคิดว่าฉันมีเวลาว่างมากขนาดต้องมาสอนงานให้กับเด็กที่ไม่มีมารยาทอย่างอัคคีเนี่ยนะ
"ฉันไม่สอน"
"แต่คุณท่านบอกว่าถ้าคุณแพรพลอยปฏิเสธคุณท่านะลดตำแหน่งและตัดออกจากกองมรดกนะคะ"
เอาเรื่องนี้มาอ้างอีกแล้วเหมือนพ่อจะรู้จุดอ่อนของฉัน แต่ฉันคงหลีกเลี่ยงไม่ได้เพราะถ้าฉันไม่ทำก็คงมีปัญหาหลายอย่างตามมมา
"งั้นขอคิดดูก่อนแล้วกัน"
"ค่ะ"
พิมพ์เดินออกไปจากห้องทำงานของฉันทันที
อัคคีเป็นลูกคนที่สองของพ่อของฉัน แต่คนละแม่ ซึ้งทำความเข้าใจง่ายๆก็คือพ่อของฉันมีภรรยาสองคน หรืออาจจะมากกว่าสองก็ได้
ช่วงนี้มีแต่อะไรให้คิดเยอะแยะ ปัญหาหลายเรื่อง สงสัยคืนนี้ต้องไปคลายเครียดซักหน่อยละ