Sorry my love part5

593 28 4
                                    

หลังจากครบกำหนดวันนอนโรงพยาบาลแล้ว เควินก็กลับมาที่บ้านพร้อมกับไอรีน แต่ทว่าขาของเควินนั้นยังคงมีอาการเจ็บนิดๆที่บริเวณหัวเข่าจึงจำเป็นต้องพึ่งไอรีนคอยพยุงตัวเวลาลุกเดินไปที่ไหน
"นี่พี่วินรีนว่านะ ให้รีนไปขอยืมรถเข็นโรงพยาบาลก่อนไหม"
"ทำไมอ่ะ"
"ถามไม่ดูตัวเล้ย ดูซินอนโรงพยาบาลตั้งนานไม่ได้ทำอะไร วันๆมีแต่กินๆๆ นี่หนักยังกะช้างน้ำแล้วเนี่ย"
"โห เบาๆหน่อยก็ได้นะครับ พี่ก็ไม่หนักขนาดนั้น แต่ถ้ารีนเหนื่อยจะไปยืมรถเข็นมาก็ได้นะ พี่ไม่ได้ว่าไรหรอก( ^ω^)"
"ชิ สุดท้ายก็ยอมรับแล้วสิท่า. ก็ได้ก็ได้ งั้นรีนจะให้พี่วินรอที่บ้านนะ เดี๋ยวรีนจะ ร.พ แป๊บนึง"
พูดแล้วไอรีนก็ตรงไป ร.พ ที่เควินเคยอยู่ทันที
10นาทีต่อมา
"สวัสดีค่ะคุณพยาบาล ที่นี่เค้าให้ยืมรถเข็นได้ไหมค่ะ พอดีคนไข้ที่เพิ่งออกไปยังเดินไม่ค่อยได้หน่ะค่ะ"
"ยืมได้ค่ะ แต่ว่าต้องจ่ายเงินค่ายืมด้วยนะคะ"
"เท่าไรคะ"
"500บาทค่ะ"
"งั้นเอาคันนึงค่ะ"
"ได้เลยค่ะ นี่ค่ะใบรับรถเข็นและจ่ายค่าชำระที่ห้องa2นะคะ"
ณห้องa2
"มาชำระค่าอะไรครับ"
"ค่ายืมรถเข็นค่ะ"
"500บาทครับ"
ไอรันค้นหาเงินในกระเป๋าตนเองแต่ทว่าในกระเป๋าสะพายเธอกลับไม่พบอะไรเลยนอกจากโทรศัพท์กับสมุดโน้ตเล่มเล็กๆลายแมวน้อย
"เอ่อ คือว่า..จ่ายที่หลังได้ไหมคะพอดีลืมกระเป๋าตังค์ไว้ที่บ้านหน่ะค่ะ" ไอรีนพูดพลางยิ้ม พร้อม เขินอายเล็กน้อยหวังจะขอความเห็นใจจากพนักงาน
"ถ้างั้น ขอบัตรประจำตัวประชาชนไว้ก่อนนะครับ แล้วค่อยมาจ่ายทีหลังก็ได้"
"คือเรื่องบัตรอะไรพวกนั้นอยู่ในกระเป๋าตังค์หมดเลยค่ะ"( '_ゝ')
"ถ้างั้นวันนี้ก็ยืมไม่ได้นะครับ ไว้วันหลังแล้วกันนะครับ"
"ค่ะ งั้นขอโทษที่ทำให้เสียเวลานะคะ"
"ไม่เป็นไรหรอกครับ เรื่องแค่นี้"
ขณะที่ไอรันเดินกลับออกไปจากโรงพยาบาลด้วยสีหน้าผิดหวังพร้อมกับโมโหในความสะเพร่าของตัวเอง. ...จู่ๆก็มีเสียงหนึงดังขึ้น
"เดี๋ยวครับคุณ รถเข็นที่คุณยืมได้แล้วนะครับ"
"เอ๊ะ ไม่ต้องจ่ายเงินก็ได้หรอคะ"
"ถ้าหมายถึงค่ายืมรถเข็น ผู้ชายที่สวมสูทสีขาวหน้าตาออกคมคายนิดๆ เป็นคนสูงๆ ขาวๆคนนั้นเขาเป็นคนมาจ่ายให้นะครับ บอกว่าเป็นคนสนิทของคุนหน่ะ"
.."อ๋อค่ะ ถ้าเห็นเขาอีกที่ก็ฝากขอบคุณให้ด้วยนะคะ "
ขณะที่รอรับรถเข็น ไอรีนก็ได้แต่ครุ่นคิดในใจ
'ใครกันนะ ผู้ชายสวมสูทสีขาว สูงๆ หน้าตาก็น่าจะพอใช้ได้ แถมยังบอกรู้จักเรา สนิทกันกับเรา. จะใครกัน ถ้าหมายถึงพี่ชายคนนั้นก็คง ..... ไม่ใช่หรอกไม่ได้ ไม่ใช่คนๆนั้นแน่ๆ'
___Irene talk____
หลายคนอาจจะสงสัยใช่ไหมค่ะ เรื่องพี่ชายคนนั้น เอาล่ะ ไอรีนจะอธิบายให้ฟังกัน คือเรื่องมันมีอยู่ว่าเมื่อ 10ปีที่แล้ว ตอนที่
ีรีนพึ่งจะอายุ9ขวบเศษได้ ตอนนั้นไปเที่ยวที่ต่างประเทศกับคุณพ่อคุณแม่ค่ะ แต่หลักๆแล้วน่าจะเป็นเรื่องงานซะมากกว่า.
ตอนนั้นคุณพ่อกับคุณแม่บอกว่าจะออกไปดูธุระเลยให้รีนอยู่ที่บ้าน " พ่อกับแม่ไปธุระแป๊ปนึงนะจ๊ะ อยู่ในบ้านดูแลตัวเองดีๆนะลูก อย่าไปเล่นซนข้างนอกล่ะ มันอันตราย"
..พูดแล้วก็นะ ก็ยังเป็นเด็ก เด็กจะไปรู้อะไรสักเท่าไรกัน เรื่องที่แม่บอกนะฉันก็พอเข้าใจ แต่เด็กก็อยากออกไปเล่น ข้างนอกกับเพื่อนๆบ้าง จะให้อยู่แต่ในบ้านก็จะคง ทนไม่ไหว
...ฉันก็เลยออกไปเล่นซะโดยไม่ได้คิดถึงคำที่แม่บอกแต่อย่างใด แต่ฉันคิดว่านี่เราก็9ขวษ จะ10ขวบแล้ว ก็คงจะไม่เป็นไรหรอกมั้ง
ในตอนนั้นเองฉันก็ก้าวขาออกจากบ้านด้วยความอยากรู้อยากเห็นตามประสาเด็ก. วิ่งเล่นไปทั่วโดยที่ไม่รู้ทิศไม่รู้ทาง ถามว่ามีความสุขไหมที่ได้ออกไปวิ่งเล่นข้างนอก ถ้าจะให้ตอบมันก็มีความสุขค่ะ แต่ใครเล่าจะไปคิด ว่าภายใต้ความสุข มันก็มีอันตรายอยู่มากมาย เส้นทางบนโลกนี้ที่แสนจะกว้างใหญ่ สำหรับผู้ใหญ่คงจะมองว่ามันเป็นเรื่องธรรมดา แต่สำหรับเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆแล้ว โลกใบนี้มันช่างซับซ้อนซะเหลือเกิน ตะวันใกล้ตกดินแล้ว หนทางกลับบ้านนั้นก็ช่างมืด แทบจะมองไม่เห็นแม้กำแพงบ้าน ตอนนั้นฉันพยายามรีบวิ่งกลับไปที่บ้าน เพราะฉันเป็นคนที่กลัวความมืดอยู่แล้ว วิ่งไปได้สัก10นาที
"เอ๊ะ ทำไมเส้นทางบ้านฉันมันไกลจัง หรือว่านี่เราจะหลงทางเข้าแล้ว. ตายสิยิ่งพูดภาษาอังกฤษไม่เป็นอยู่ด้วย แล้วนี้เราจะทำยังไงดี" ฉันนั่งกอดเข่าครุ่นคิดหาทางออก. น้ำตาสายน้อยๆก็ค่อยๆไหลรินลงมาอาบแก้มเล็กๆทั้งสองข้าง. ไม่ว่าจะคิดยังไงก็ยังคงหาทางออกไม่เจอสักที แต่แล้วก็เหมือนสวรรค์จะเห็นใจบ้างจึงส่งคนๆนี้มาในเวลาที่ฉันต้องการความช่วยเหลือ
"นี่เธอ มานั่งทำอะไรตรงนี้เนี่ย" เสียงเด็กชายวัย14ปี ถามเด็กน้อยที่นั่งร้องไห้กอดเข่าข้างหน้าของเขา. จะเป็นใครกันล่ะ ก็ฉันไง ตอนนั้น ความรู้สึกของฉันมันแทบจะเปี่ยมล้นด้วยความดีใจ พลางพูดอย่างกระอึกกระอัก"นะนะหนูหลง..ทางค่ะ"
"แล้วนี่พักอยู่ที่ไหนล่ะ เดี๋ยวพี่จะไปส่ง(^__^)"
ตอนนั้นฉันจำอะไรไม่ได้สักอย่าง จึงบอกเบอร์โทรคุณแม่ให้พี่ชายคนนั้นไป
"นี่เบอร์แม่หนูค่ะ ฮือๆ"
"หยุดร้องได้แล้วน่าเดี๋ยวพี่จะพาไปส่งที่บ้านนะ โอ๋ๆ ไม่ร้องนะครับเด็กดี(∩_∩)"พี่ชายคนนั้นพูดพลางลูบหัวฉันเบาๆ ไม่เกิน5นาที ฉันก็กลับมาถึงบ้านได้อย่างปลอดภัยพร้อมกับพี่ชายคนนั้น. คนที่ดีใจที่สุดที่ได้เห็นฉันได้กลับมานั้นไม่ใช่ใครที่ไหน คนๆนั้นคือพ่อกับแม่ของฉันนั่นเอง. ท่านทั้งสองโผกอดฉันไว้แน่น พร้อมร้องไห้ด้วยความเป็นห่วงกลัวว่าลูกสาวคนเดียวของตัวเองจะได้รับอันตราย "เป็นอะไรมากไหมลูก เจ็บตรงไหนบ้างรึเปล่า ไหนให้แม่ดูซิ แล้วใครเป็นคนพาหนูมาส่งจ๊ะ
"พี่ชายคนนั้นค่ะแม่" ฉันพูดแล้วชี้ไปที่ที่พี่ชายคนนั้นยืนอยู่
"ขอบใจมากนะจ๊ะหนู ที่ช่วยลูกสาวของแม่ไว้แล้วนี่ชื่ออะไรจ๊ะ"
"ชื่อกัตต์ครับ พอดีผมโตที่นี่ก็เลยรู้เส้นทางดีหน่ะครับ"
"อ๋อ อย่างนี้นี่เอง จะว่าไปหนูเป็น ลูกแม่ลมัยหรือปล่าวจ๊ะ พอดีหนูหน้าตาคล้ายลูกของเพื่อนแม่กันมากเลย"
"ใช่ครับ"
"งั้นหนูก็เป็นเพื่อนกับไอรีนได้นะสิ นี่ แล้วพรุ่งนี่พาแม่มาหาป้าด้วยนะจ็ะ แล้วก็มาเล่นเป็นเพื่อนน้องไอรีนด้วยนะลูก น้องเค้าไม่ค่อยมีเพื่อนหนะ"
"ครับ แล้วผมจะแวะมาบ่อยๆนะคับ(∩_∩)"
..
....
......
เรื่องมันก็เป็นอย่างนั้นแหละค่ะ ตั้งแต่นั้นมา รีนกับพี่กันต์ก็สนิทกันมาตลอด จนกระทั่งตอนที่รีนจะต้องเดินทางกลับบ้าน เราสองคนได้ทำสร้อยข้อมือลายปลาดาวร้อยด้วยเปลือกหอยทาสีสวยงามที่ระลึกไว้ด้วย กัน เราสองคนสัญญากันว่า ถ้าโตขึ้นจะไม่มีทางลืมกันและกันจะจำสร้อยข้อมือนี้ไว้. สำหรับรีนเรื่องนี้ รีนไม่มีทางลืมมันแน่ๆ เพราะที่ผ่านมา มันคือความทรงจำที่สวยงามของรีน แต่ถ้าเป็นพี่กันต์.....
ตอนนี้พี่จะจำมันได้รึเปล่านะ(^__^)

SORRY MY LOVE.ขออภัย มือใหม่หัดรักTahanan ng mga kuwento. Tumuklas ngayon