ฉันตื่นเพราะเสียงเครื่องไฟฟ้าหรืออะไรสักอย่างแถวนี้ มันเป็นเสียงเล็กๆ แต่ดังและน่ารำคาญ"โอ้ย" นอกจากนี้เนื้อตัวยังรู้สึกปวด ขาชาเหมือนเป็นตะคริว แขนซ้ายหนักอึ้ง และความเจ็บก็เข้ามาเป็นระยะซึ่งมันหนักไปทางด้านซ้ายเสียส่วนใหญ่
"รู้สึกตัวแล้วค่ะ"
ฉันได้ยินเสียงผู้หญิงและเสียงการเคลื่อนไหวดังใกล้เข้ามาจึงผุดตัวขึ้นนั่ง ทรมาณทั้งร่างราวกับอวัยวะจะร่วงกองกันอยู่ตรงนี้
"เจ็บ" ฉันพึมพำอยู่คนเดียว เอาหลังพิงหัวเตียง และกะพริบตาถี่เพื่อปรับแสงจ้าจากหลอดไฟภายในห้อง หัวก็ปวดจะตายแถมยังมีไอ้เสียงตึ้ดตึ้ดบ้านั่นอีก
"เจ็บ" ฉันย้ำ
"รู้แล้วว่าเจ็บ"
คราวนี้เป็นเสียงผู้ชาย เย็นชา และเย่อหยิ่ง
แม้ไม่รู้ว่าเจ้าของสำเนียงอังกฤษคนนั้นเป็นใครแต่ฉันอยากจะตะโกนด่าเขาว่า ไอ้งั่ง! ก็นายนั่นพ่นลมหายใจยาวเหยียด อย่างกับการบ่นขิงบ่นข่าของฉันไปทำให้ความสงบสุขชุ่มชื้นในชีวิตเขาแห้งเหือด
"ฉันตายหรือยัง" ฉันโพล่งถาม เป็นเวลาเดียวกับที่นายอังกฤษเดินมายืนอยู่ข้างเตียง
เขาสูง ใส่เสื้อสีขาวตัวยาวๆ ผู้หญิงคนที่ยืนข้างเขาก็ด้วย ฉันพยายามเพ่งแล้วแต่เห็นหน้าพวกเขาไม่ชัด อะไรก็ดูขาวไปหมดแม้จะปรากฏเป็นภาพเบลอ ยูนิฟอร์ม ผนังห้อง ขาวสะอาดจนอยากอ้วก
"ยัง" เขาตอบพลางเอาไฟฉายจากไหนไม่รู้มาส่องที่ตา นิ้วโป้งหนาๆ ดันเปลือกตาฉันขึ้นอย่างเบามือจนน่าแปลกใจ "และช่วยมองนี่ด้วย"
ฉันเบ้หน้าและขมวดคิ้วในขณะที่นัยน์ตาโดนแสงสีเหลืองสาดเข้ามาอย่างรวดเร็ว หน้าฉันต้องเอ๋อมาก
จากนั้นเขาก็เอาเครื่องวัดหัวใจหรืออะไรเทือกนั้นมาวางที่บริเวณเหนืออก "หายใจ" เขาสั่ง "ลึกๆ"