2015 - 2018

1.6K 36 11
                                    

 
 
2015
 
 
“จองกุกติดต่อมาบ้างหรือเปล่าจีมิน”
 
หลายอาทิตย์ผ่านไปแล้วนับตั้งแต่ที่จองกุกไปเรียนที่ต่างประเทศ ไม่มีอะไรน่าห่วงทั้งคนอยู่และคนไป มีก็แค่การที่ลูกชายไม่ยอมติดต่อกลับมานั่นแหละ ที่ทำให้จอนยองกวังรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย
 
“ติดต่อมาแล้วครับ” จีมินตอบคำถามของยองกวัง จองกุกติดต่อเขามาตั้งแต่ที่เหยียบอเมริกาเลยกระมัง
แทฮยองมองรอยยิ้มของน้องชายตัวเล็กที่นั่งข้างๆ กันระหว่างทานอาหารเย็น
 
“เอ้อ ลูกคนนี้นี่ กับพ่อทั้งโทรทั้งส่งข้อความไป ไม่ติดต่อกลับมา แต่กลับติดต่อคนอื่น เห้อ” คนเป็นพ่อพูดอย่างไม่คิดอะไร
แต่คนฟังไม่คิดน้อยอย่างนั้น
 
“ก็ยังดีที่น้องติดต่อจีมินนะครับ ดีกว่าหายไปเลย” แทฮยองรีบพูดเมื่อเห็นว่าจีมินทำหน้าไม่สู้ดี
 
คิมยูรีก็เห็นเป็นเช่นนั้น จึงเปลี่ยนเรื่อง
“จีมินกินเยอะๆ นะลูก ช่วงนี้แม่เห็นหนูกินน้อยจัง อาหารไม่อร่อยหรอ”

“เปล่าครับๆ ไม่ใช่ๆ จีมินแค่ไม่ค่อยหิวเฉยๆ”
จีมินปฏิเสธ แต่ถึงอย่างนั้นทุกคนก็ยังเข้าใจถูกต้องว่าที่เป็นแบบนี้ เพราะจีมินคิดถึงจองกุก
 
 
“แล้วเรื่องเรียนของจีมินเป็นไงบ้าง แทฮยองพาน้องไปสมัครเรียนหรือยัง” พ่อของจองกุกถามเด็กทั้งสอง
“ผมจะพาไปสมัครพรุ่งนี้ครับ” แทฮยองตอบ
 
“อืม ดีแล้ว .. ว่าแต่จีมิน อยากเรียนอะไรหรอลูก” ยองกวังเลยไปถามจีมิน
“อะไรก็ได้ครับ”
 
“ไม่ต้องกังวลเรื่องค่าเทอมค่ากินค่าอยู่นะ พ่อจะดูแลเอง รู้ไหมจีมิน” ยองกวังบอก
“ครับ” จีมินตอบรับ
“จีมิน” คนส่งเสียเรียกอีกครั้ง
“ครับ”
 
“ต่อให้พ่อไม่ส่งจองกุกไปอยู่กับพ่อจีมิน แต่ถ้าพ่อจีมิน แม่จีมิน หรือจีมินเองลำบาก พ่อก็พร้อม.. และเต็มใจจะช่วยเหลืออยู่แล้ว จีมินเข้าใจที่พ่อต้องการจะบอกใช่ไหม”
 
“เข้าใจครับ” จีมินตอบอย่างซึ้งใจ
ดีใจ ที่ถึงจะไม่มีจองกุกอยู่ด้วยในตอนนี้ แต่ก็ยังมีคนใจดีอยู่กับจีมินถึงสามคน แม้บางครั้งจะต้องเจ็บปวดกับคำพูดบางคำไปบ้าง แต่จีมินคิดว่าคงไม่ได้เจ็บปวดไปมากกว่าช่วงเวลาที่ผ่านมา
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
รถเก๋งคันหรูวิ่งบนถนนด้วยความเร็วที่ไม่เกินกฏหมายกำหนด
 
“อยากเรียนอะไร คิดหรือยัง” คนขับถามคนที่นั่งเบาะข้าง
“ยังเลยครับ” จีมินตอบพี่ชายใจดีที่กำลังขับรถพาตนไปสมัครเรียนมหาวิทยาลัยเอกชน
 
“จีมินชอบวาดรูป เรียนศิลปกรรมไหม” แทฮยองหันมาถามก่อนกลับไปมองถนนตรงหน้าต่อ
“รู้ได้อย่างไงครับ ว่าจีมินชอบวาดรูป” คนตัวเล็กถามอย่างสงสัย
“จองกุกน่ะ จองกุกบอกไว้” คนถูกถาม ตอบโดยไม่ได้หันมา
 
จองกุกหรอ ก็ได้คุยกันแทบทุกวัน แต่แค่ได้ยินชื่อ ก็คิดถึงมากๆ อีกแล้ว
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
เพียงไม่นาน แทฮยองก็พาจีมินมาถึงสถานที่ที่เป็นเป้าหมายของวันนี้ มือทั้งสองคู่ปลดล็อคเข็มขัดนิรภัยออกพร้อมกัน
แทฮยองเดินลงรถมา หา จีมิน
 
“จีมิน!!” แทฮยองเรียกเสียงดังเมื่อเห็นคนที่ตัวเองพามานั้น นั่งหลับตาอยู่บนพื้น
 
แทฮยองพยุงจีมินให้ยืนขึ้น
“ขอโทษครับ อยู่ดีๆ ก็หน้ามืด สงสัยกินข้าวน้อยไปหน่อย” จีมินว่า
“เสร็จธุระที่นี่แล้วไปหาหมอเถอะ พี่เห็นเราเป็นแบบนี้หลายครั้งแล้ว เผื่อหมอจะได้ให้ยาบำรุงอะไรมาบ้าง” แทฮยองพูดอย่างเป็นห่วง พักนี้จีมินดูผอมซูบลงไปมาก
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
นี่นับเป็นครั้งแรกที่จีมินได้มาโรงพยาบาลใหญ่แบบนี้เพื่อรักษาดัวเอง จีมินพยายามปรับตัวให้เข้ากับอะไรใหม่ๆ
 
“ขอเชิญคุณปาร์คจีมินที่ห้องตรวจค่ะ”
 
จีมินลุกขึ้นตามที่ได้ยินเสียงเรียก
 
“พี่แทเข้าห้องตรวจเป็นเพื่อนจีมินหน่อยได้ไหมครับ”
 
ถึงจะพยายามกล้าหาญแล้ว แต่ให้เวลาจีมินหน่อยเถอะครับ ถ้าจองกุกอยู่ จีมินก็จะพาจองกุกเข้าห้องตรวจเหมือนกัน
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
ภาพตัดกลับมาที่โต๊ะอาหารอีกครั้ง หัวโต๊ะยังคงเป็นประมุขของบ้านเช่นเคย
 
“วันนี้แทฮยองพาไปสมัครเรียนมาแล้วใช่ไหมจีมิน เรียบร้อยดีใช่ไหม” ผู้ใหญ่ท่าทางใจดี ถามความคืบหน้าเกี่ยวกับการเรียนของคนที่ตนเอ็นดู
 
จีมินนิ่งไม่ยอมตอบอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนตัดสินใจลุกออกไปนั่งคุกเข่าข้างเก้าอี้ของคนที่ตัวเองนับถือเหมือนพ่ออีกคน
จอนยองกวังและคิมยูรีมองดูการกระทำนั้นอย่างประหลาดใจ
 
“จีมินขอบคุณคุณพ่อมากๆ นะครับ ที่เอ็นดูจีมิน แต่จีมินไม่อยากเรียนครับ”
 
ยองกวังมองเด็กที่ก้มหน้าพูดสิ่งที่คิดออกมาด้วยความตกใจ
“แต่ที่จองกุกยอมไปเรียนที่ต่างประเทศ เพราะต้องการให้จีมินได้เรียนนะ”
 
จีมินไม่ได้สนใจคำพูดนั้น แต่กลับพูดประโยคถัดไปที่ทำเอาทุกคนตรงนั้นตกใจ
“จีมินจะออกไปอยู่ที่อื่นครับ”
 
“พ่อทำอะไรให้จีมินไม่พอใจหรือเปล่า” ยองกวังถามออกไป เขายอมรับว่าบางครั้งก็รู้สึกเหมือนตัวเองโดนเด็กคนนี้ขโมยความรักไป แต่นั้นไม่ได้ทำให้เขาเกลียดเด็กคนนี้ มีการกระทำอะไรของเขาที่ทำให้จีมินลำบากใจที่จะอยู่ด้วยกันหรือเปล่า
“ไม่ครับๆ ไม่ใช่ๆ” จีมินรีบโบกมือ เงยหน้าขึ้นมาปฏิเสธ
คิมยูรีลุกมาพยุงจีมินให้มานั่งที่นั่งตัวเอง แล้วเธอก็ขยับไปนั่งเก้าอี้ตัวถัดไป
 
“เรื่องนี้ไม่ตกลงนะจีมิน ถ้าจองกุกรู้คงไม่อยู่เรียนจนจบแน่ๆ” พ่อรีบบอกไป ลำพังจีมินไม่ยอมเรียนก็แทบจะไม่อยากให้จองกุกรู้อยู่แล้ว และนี่ถ้าจองกุกรู้ว่าจีมินจะไม่ยอมอยู่ด้วยกันอีก จองกุกคงบินกลับมาวันนี้พรุ่งนี้แน่
 
“จองกุกต้องไม่รู้เรื่องนี้ครับ อย่าบอกจองกุก” จีมินพูดเสียงเศร้า
 
“เรื่องนี้พี่ไม่เห็นด้วยนะจีมิน” แทฮยองที่นั่งฟังเงียบๆ อยู่นานเอ่ยขึ้นเสียงเข้ม
 
จีมินเงยหน้าขึ้นมา พูดเสียงสั่น “เห็นด้วยกับจีมินอีกสักเรื่องเถอะครับ”
 
แทฮยองถึงกับพูดอะไรไม่ออก
 
 
“แล้วจีมินจะไปอยู่ที่ไหน ถ้ากลับไปอยู่ที่บ้าน พ่อไม่ยอม” ยองกวังถามเมื่อเห็นว่าแม้แต่แทฮยองก็ดูเหมือนจะยอม เขายังไม่ตัดสินใจว่าจะให้จีมินออกไปอยู่ข้างนอกหรือไม่ เขายังจำคำพูดของลูกชายได้ ที่บอกว่าจีมินไม่เหลือใครอีกแล้ว
 
“จีมินจะอยู่ที่โซลนี่แหละครับ” คนตัวผอมบอกด้วยสายตาอ้อนวอน
 
 
“คุณเห็นว่าอย่างไง” จอนยองกวังหันไปถามภรรยาของตน ที่นั่งลูบบ่าลูกชายคนเล็ก
“ฉันไม่ยอมให้จีมินไปเด็ดขาดค่ะ” คิมยูรีตอบหนักแน่น
จีมินที่ได้ฟัง ก้มหน้าน้ำตาไหล มือเรียวรีบยกมาปาดออก
 
“แทฮยองล่ะ ว่าอย่างไง” พ่อเปลี่ยนมาถามลูกชายอีกคนด้วยคำถามเดียวกัน
 
แทฮยองมองจีมินที่นั่งสูดน้ำหูน้ำตาอยู่ฝั่งตรงข้ามของโต๊ะอาหาร เขาเข้าใจจีมินดี ... เข้าใจทุกอย่าง
 
“ผมตามใจจีมินครับ”
 
คิมยูรีขัดใจในคำตอบของลูกชาย แต่ก็เชื่อและเคารพในคำตอบ
 
จอนยองกวังที่ได้ฟังความคิดเห็นของทั้งภรรยาและลูกชายแล้ว ก็ถึงเวลาที่ต้องตัดสินใจ เขาค่อนข้างตกใจที่ได้ยินว่าจีมินจะไม่เรียนต่อ ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะการเรียนต่อของจีมิน เป็นเหตุผลเดียวที่ลูกชายของเขาไปเรียนต่อต่างประเทศตามคำสั่งของตัวเอง แต่เมื่อได้ยินว่าจีมินจะออกไปอยู่ข้างนอกคนเดียว นั่นทำให้เขาตกใจมากขึ้นไปอีก จีมินเป็นเพียงแค่เด็กอายุสิบแปดเท่านั้น เขายอมให้ลูกชายตัวเองไปเรียนไกลๆ แต่กับจีมินเขากลับเป็นห่วง
 
“พ่อยอมให้จีมินไปอยู่ที่อื่นได้ แต่ต้องติดต่อมาตลอด และที่สำคัญ ต้องให้แทฮยองเป็นคนดูแล”
 
สุดท้ายก็ยอมปล่อยไป ถ้าไม่ต้องการอย่างนั้นจริงๆ คงไม่ถึงกับยอมมานั่งคุกเข่า
 
“ขอบคุณครับ ฮึก” จีมินก้มหัวขอบคุณทั้งน้ำตา
 
 
“จีมิน”
“ครับ”
“ขยับมาใกล้ๆ พ่อ”
 
จีมินลุกออกไปนั่งคุกเข่าข้างเก้าอี้คนที่เรียกตน คนเป็นใหญ่ลูบหัวคนที่ตนเอ็นดู
 
“จีมิน ต่อให้จองกุกไม่บอกให้พ่อดูแลเราให้ดี .. พ่อก็รักเราเหมือนลูกอยู่แล้ว รู้ใช่ไหม”
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
อืดดด อืดดดดดด อืดดดดดดดด
 
มือเรียวของคนตัวเล็กลูบคลำแถวๆ กระเป๋ากางเกง เมื่อรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนของสมาร์ทโฟนเครื่องเก่าที่ผ่านการใช้งานมาร่วมสองปี
 
“จองกุก... อันยอง...” เสียงใสพูดผ่านโทรศัพท์กับคนที่โทรมาทางวีดิโอ
 
“อันยอง...” จองกุกโบกมือตอบคนที่โบกมือให้ผ่านแอพลิเคชั่นดัง
 
 
“อยู่ข้างนอกหรอ” จองกุกถามเมื่อเห็นบรรยากาศข้างหลัง ตอนนี้ที่เกาหลีบ่ายสามแล้ว
“อืม มาเดินตากแอร์ในห้างน่ะ” จีมินตอบคนที่อยู่อีกซีกโลก พวกเขาคุยกันอยู่บ่อยๆ ผ่านข้อความ ถึงจะถามวันนี้ ตอบมะรืนนี้ แต่ก็ยังมีความสุขดี
 
“ไปกับใคร”
“มาคนเดียว”
 
 
ห๊ะ มาคนเดียวหรอ แทฮยองที่เดินล้ำอยู่ข้างหน้าหันมาเบะปากใส่
จีมินเห็นแล้วล่ะว่าแทฮยองทำหน้าอย่างไร แต่ตอนนี้ ตอนที่กำลังคุยกับจองกุก พี่ช่วยทำเหมือนจีมินมาคนเดียวได้ไหมครับ
 
 
“เจ็ดเดือนแล้วนะ คิดถึงจีมินจัง” จองกุกเฝ้านับวันนับเดือนที่จะได้กลับไปเจอ
“ชู่ว เบาๆ สิ จีมินอยู่ข้างนอกอยู่นะ” จีมินรีบห้ามคำหวานของจองกุก พวกเขาคุยกันผ่านวีดิโอ มาบอกคิดถึงกันอย่างนี้ คนอยู่ใกล้ๆ ก็ได้ยินกันพอดี
“ก็คิดถึงจริงๆ นี่นา” จองกุกบอกความรู้สึกอีกครั้ง
“รู้แล้ว ... คิดถึงเหมือนกัน” จีมินทำมือป้องปาก กระซิบใกล้ๆ โทรศัพท์
 
เด็กหนุ่มยิ้มให้กันผ่านหน้าจอ
 
“ที่นั่นกี่โมงแล้วจองกุก” จีมินถาม
“ห้าทุ่มแล้ว”
“งั้นจองกุกรีบนอนเถอะ นอนดึกเดี๋ยวพรุ่งนี้เรียนไม่รู้เรื่องนะ”
 
จองกุกหัวเราะชอบใจ คำนี้มันเป็นคำที่เขาเคยบ่นให้จีมินตอนที่จีมินติดโทรศัพท์แรกๆ นี่นา
 
“อืม จีมินก็เหมือนกันนะ อย่ากลับดึก” จองกุกสั่ง
“ครับ แค่นี้นะ บายบาย”
 
“บายย”
 
 
ร่ำลากันอยู่นาน จีมินถึงได้กดวางสายได้ ถึงจะวางสายไป ก็ยังยิ้มให้กับโทรศัพท์อยู่อย่างนั้น
 
 
“กลับเลยม้ะ” แทฮยองถามเหมือนใส่ใจ
 
แต่จีมินฟังอย่างไงก็ดูเหมือนประชด
 
“ดีเหมือนกัน จีมินปวดขาแล้ว” จีมินตอบยิ้มๆ
 
“ปวดขาหรอ พี่บอกให้กลับตั้งนานแล้วก็ไม่เชื่อ” แทฮยองถามปนบ่น ก็ห่วงใยทั้งนั้น
 
“พี่แทว่าจีมินหรอ” คนถูกบ่นถามตาแข็ง น้อยใจที่โดนดุ
 
“เปล่าๆ ไม่ใช่ๆ ... กลับเถอะ กลับได้แล้ว” แทฮยองรีบปฏิเสธ ไม่อยากให้คนตัวเล็กหงุดหงิด
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
ค่ำคืนที่แทฮยองหลับสนิท ถูกรบกวนด้วยเสียงโทรศัพท์ ปกติเขาไม่ใช่คนที่เปิดเสียงโทรศัพท์ตอนนอน
 
กริ๊ง กริ๊ง
 
แขนยาวเอื้อมไปควานหาต้นเสียงที่วางอยู่บนโต๊ะตัวเล็กข้างหัวเตียง
 
ตัวหนังสือเบลอ เพราะเจ้าของตาสองชั้นไม่ได้ลืมเต็มที่
 
จองกุก
 
 
 
“อื้ม” แทฮยองส่งเสียงไปเมื่อกดรับสายน้องชาย
 
“ช่วงนี้จีมินไม่ค่อยรับสายผมเลย” จองกุกพูดสิ่งที่ตั้งใจจะพูดทันที
 
“ช่วงนี้จีมินก็ไม่ค่อยรับสายนายอยู่แล้วไม่ใช่หรอ” พี่ชายที่นอนอยู่พูดงึมงัมแต่พอฟังเข้าใจ
 
“รู้ครับ ผมถึงโทรมาถามพี่ว่าช่วงนี้จีมินเรียนหนักหรอ .. หรือว่าไม่สบาย”
ไม่รู้ว่าไม่รู้หรือตั้งใจ..
 
“ตอนนี้มันตีห้าโว๊ยยย อยากรู้ก็ดูเวลาหน่อยเหอะ เอ้อ” แทฮยองบ่นไป ตาก็ยังปิดสนิท
 
 
“ที่ผมขอให้พี่ดูแลจีมิน พี่ยังจำได้ใช่ไหมครับ” จองกุกพูดน้ำเสียงจริงจัง
 
“...”
 
“...”
 
 
“เออๆๆๆ จำได้ๆ เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าไปดูให้ แค่นี้นะ”
 
แทฮยองกดวางสายไปหลังจากพูดคุยอีกไม่กี่คำ
 
วางสักที พี่คนนี้จะได้นอน
 
 
 
 
กริ๊ง กริ๊ง
 
หืมมมมมม ไอ้น้องคนนี้ จะปล่อยให้พี่นอนหน่อยไม่ได้หรือไง
 
คนขี้โมโหกดรับสายโดยที่ไม่ได้ดูว่าใครโทรมา
 
“มีอะไรอีก!!!”
 
 
 
 
“พี่แท! ช่วยจีมินด้วย”
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
“น่ารักจัง” แทฮยองมองไปที่จีมิน
 
“ขอบคุณ” จีมินพูดโดยไม่ได้มองหน้า
 
 
“เออ เพิ่งนึกขึ้นได้ เมื่ออาทิตย์ก่อนจองกุกโทรมาอ่ะ บอกจีมินไม่ค่อยรับโทรศัพท์เขาเลย” แทฮยองนั่งลงไปตรงที่ที่ว่าง
 
จีมินรับฟังเฉยๆ
“พี่แทถ่ายรูปให้จีมินหน่อย ขอสองรูปนะ”
 
แทฮยองรับโทรศัพท์ที่จีมินยื่นมา เปิดโหมดกล้องถ่ายรูป
“จะส่งให้จองกุกหรอ”
 
“ครับ”
 
 
 
 
 
 
 
 
“ช่วงนี้ลูกชายแม่ไม่ค่อยกลับมานอนบ้านเลยนะ” คิมยูรีกล่าวต้อนรับลูกชายกลางดึก
 
“ยังไม่นอนอีกหรอครับแม่” ลูกชายในไส้คนเดียวเดินเข้าไปกอดเอวออเซาะ
 
“เรียนหนักเลยหรอช่วงนี้” แม่ถาม
 
คิมแทฮยองหยุดคิดไปพักหนึ่งก่อนตอบอย่างสบายๆ
 
“ก็นิดหน่อยครับ”
 
 
 
“ลูกชายแม่ก็ยังโกหกไม่เนียนเหมือนเดิมเลยนะ” มารดาพูดไปยิ้มไป มือก็ลูบหัวไปด้วย แทฮยองยังเป็นเด็กในสายตาแม่เสมอ
 
 
 
“ผมไปอาบน้ำนอนแล้วนะครับ” แม้จะเข้าใจสิ่งที่คนเป็นแม่พูด แต่แทฮยองก็เลือกที่จะไม่พูดต่อ
 
แม่พยักหน้าเป็นว่าให้ไป
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
จีมินอ่านข้อความคร่าวๆ ที่แจ้งเตือนบนหน้าจอ ก่อนหยิบขึ้นมาใส่รหัสเข้าไปเพื่อตอบกลับ
 
เมื่อตอนกลางวัน จีมินส่งรูปถ่ายของตัวเองไปให้จองกุกทางแชท ตอนนี้จองกุกคงเพิ่งตื่นมาเห็น จึงส่งข้อความกลับมา
 
 
-น่ารัก-
 
-ขอบคุณ-
 
 
จองกุกตกใจ ที่จีมินส่งข้อความตอบกลับมาทันทีแบบนี้ เวลาของเกาหลีตอนนี้คือตีสอง จีมินเป็นคนไม่ชอบนอนดึก
 
-ทำไมยังไม่นอน งานมหาวิทยาลัยเยอะหรอ-
 
-ประมาณนั้น-
 
 
จีมินนึกดุตัวเอง ที่เล่นโทรศัพท์ทั้งที่ปิดไฟมืดอย่างนี้
 
-หนึ่งปีแล้วนะจีมิน 25% แล้ว-
 
 
 
จีมินหยุดคิดอยู่คนเดียวพักหนึ่ง ยี่สิบห้าเปอร์เซ็นหรอ ก่อนส่งข้อความตอบกลับไป
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
2016
 
 
 
“พ่อครับ แม่ครับ ดูสิครับว่าผมพาใครมา” แทฮยองเดินเข้าบ้านมาในวันหยุด
 
“สวัสดีครับพ่อ สวัสดีครับแม่” จีมินที่เดินเข้ามาพร้อมแทฮยองกล่าวทักทายผู้ใหญ่ที่ไม่ได้เจอกันนานแรมปีอย่างสุภาพ
 
คิมยูรีเข้าไปกอดคนที่คิดถึง เธอบ่นกับลูกชายอยู่หลายครั้งแล้วว่าอยากเจอจีมิน และวันนี้แทฮยองก็พาจีมินมาพบเธอ
“คิดถึงจังเลยลูก ไม่มาหาแม่บ้างเลย”
“คิดถึงพ่อกับแม่เหมือนกันครับ พ่อกับแม่สบายดีนะครับ”
 
จอนยองกวังและคิมยูรีสัมผัสได้ถึงความเป็นผู้ใหญ่ของจีมิน
 
 
 
“อาทิตย์หน้า จีมินจะเปิดร้านอาหารเป็นของตัวเองครับ พ่อกับแม่ไปงานเปิดร้านของจีมินนะครับ” จีมินกล่าวชวนอย่างภูมิใจ
 
“เปิดร้านอาหารเป็นของตัวเองเลยหรอ เก่งจังจีมิน” จอนยองกวังชื่นชม ถึงจะไม่ใช่พ่อแท้ๆ แต่ก็ภูมิใจ
 
“จีมินมีเงินเก็บของพ่อแม่น่ะครับ และที่สำคัญคือได้พี่แทฮยองช่วยดูเรื่องอื่นๆ ด้วย” จีมินหันไปยิ้มให้คนที่ตัวเองพูดถึง และก็ได้ยิ้มน้อยๆ กลับมา
 
 
เพราะไม่ได้เจอกันนาน สามคนพ่อแม่ลูกจึงมีเรื่องให้คุยกันมากมาย เลยได้รู้ว่าช่วงที่ผ่านมา จีมินเตรียมตัวเปิดร้านอาหารนั่นเอง
 
 
 
“พ่อครับ แม่ครับ จีมินขอตัวกลับก่อนนะครับ” จีมินบอกหลังจากคุยกันมาได้สักพัก
 
“ทำไมรีบกลับล่ะ อยู่กินข้าวกลางวันด้วยกันก่อนเถอะลูก” คิมยูรีรีบชวน
 
“พอดีที่ร้านยังไม่เรียบร้อยน่ะครับ จีมินต้องรีบกลับไปดู” จีมินบอกเหตุผล
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
“พี่แทขับเร็วกว่านี้หน่อยได้ไหมครับ” จีมินเร่งคนขับจนหลังแทบไม่ติดเบาะ
“จำเป็นต้องรีบขนาดนั้นเลย” แทฮยองพูดไป แต่ก็ไหวตัวทันว่าไม่ควรพูดแบบนั้น
 
แทฮยองรีบหันไปขอโทษขอโพยคนหน้าบูดยกใหญ่
 
“ขอโทษๆ ยิ้มก่อนเร็ว”
 
จีมินสะบัดมือที่แทฮยองเอื้อมมาจับออก หันหน้าหนีไปทางกระจกด้านข้าง
 
แทฮยองรีบเปลี่ยนเกียร์อย่างไว ถ้าถึงบ้านจีมินเร็วอย่างที่ต้องการ จีมินคงหายโกรธ
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
2017
 
 
 
“ยินดีด้วยนะกับงานแรก เอลิซ” ไลอิมแสดงความยินดีกับเพื่อนสาว ขณะพามาเลี้ยงอาหารญี่ปุ่นร้านอร่อย ตามที่ได้สัญญาไว้
 
“ขอบคุณมากๆ นะ ฉันก็หวังว่าเธอจะได้งานเร็วๆ นี้เหมือนกันนะ”
 
เอลิซและไลอิมเป็นเพื่อนรักกันมาตั้งแต่เรียนมัธยม ด้วยความชอบในการแสดง ทั้งสองจึงพากันมาเรียนในโซล และมีจุดมุ่งหมายที่จะทำงานในวงการบันเทิง
 
 
 
“วันนี้รับอะไรครับคุณลูกค้า” เชฟประจำร้านเดินออกมา
“วันนี้เชฟใหญ่รับออเดอร์เองเลยหรอคะ” ไลอิมพูดคุยกับคนที่เดินเข้ามา เธอเคยมาร้านนี้แล้ว ถึงจะมาแค่ครั้งเดียวแต่เพราะเป็นคนอัธยาศัยดี จึงรู้จักกับคนอื่นๆ ได้เร็ว
 
เชฟตัวขาวได้แต่ยิ้มให้ลูกค้าคนสวย เพราะเป็นลูกค้าคนแรกของวันนี้ เชฟอย่างเขาถึงได้มีเวลามาต้อนรับเอง
 
 
 
 
 
 
 
 
“อันนี้ของลูกค้าโต๊ะนั้นใช่ไหมครับเชฟ”
จีมินที่เป็นเจ้าของร้าน เดินเข้ามาในครัวเพื่อทักทาย
 
“ครับ เอาไปเสิร์ฟสิ” ร้านนี้มีพนักงานที่ทำหน้าที่เสิร์ฟอาหารอยู่ แต่ที่เชฟใหญ่พูดจาแบบนี้เพราะต้องการหยอกเจ้านายของเขา
 
“ครับ เดี๋ยวจีมินเอาไปเสิร์ฟเอง” จีมินยกถาดที่มีลักษณะเป็นหลุม เตรียมไปให้ลูกค้า
“เห้ย พี่พูดเล่น ให้เด็กยกไปเถอะ ถ้าแทฮยองรู้ว่าพี่ใช้จีมิน มันได้กัดหัวพี่แน่”
 
“พี่แทจะมาว่าลูกน้องจีมินได้ไงล่ะครับ” จีมินตอบยิ้มๆ ก่อนยกของในมือออกไป
 
 
 
 
เจ้าของร้านอาหารญี่ปุ่นรสชาติอร่อย ออกมาเสิร์ฟอาหารให้ลูกค้าด้วยตัวเอง
“ทานให้อร่อยนะครับ”
 
 
 
 
“ไลอิม”
“เอลิซ”
ต่างคนต่างเรียกชื่อเพื่อนออกมาพร้อมกัน เมื่อเจ้าของร้านหน้าสวยนั้น คือคนที่พวกเธอรู้จัก
 
 
 
 
เพราะความช่างสังเกตและความใส่ใจของจีมิน จึงเห็นว่าลูกค้าโต๊ะแรก คอยมองมาที่ตัวเองอยู่หลายครั้ง
 
 
“คุณลูกค้าต้องการอะไรหรือเปล่าครับ” จีมินเดินเข้าไปหา
 
“ใช่พี่จีมินหรือเปล่าคะ” หนึ่งในลูกค้าถามขึ้น
 
จีมินเริ่มรู้สึกคุ้นหน้า แต่ก็ยังนึกไม่ออก
 
 
“นั่นไง ใช่จริงๆ ด้วย” ไลอิมบอกกับเพื่อนตัวเอง เมื่อเห็นว่าพี่จีมินของพวกเขาไม่ปฏิเสธ จึงคิดว่าใช่แน่นอน
 
“จำไม่ได้ก็ไม่เป็นไรนะคะพี่ เราเข้าใจ เพราะหน้าพวกเราเปลี่ยนไปนิดนึง ฮี่ๆ” เอลิซว่าอย่างขำๆ

[END] Grow KookminWhere stories live. Discover now