บทที่2 วันแห่งความหวังและความสิ้นหวัง

56 5 0
                                    

Sayra talk.
วันที่14 กพ. 09.00น. ณ เกียวโต
ตรู๊ด~~ ตรู๊ดดด~~
แกร่ก!
"เฮ้อ รับซักทีนะเจ้าพี่บ้า"
"ก็ไม่ค่อยเห็นโทรมานี่นา มีเรื่องอะไรรึเปล่า??"
"เอ้อใช่!! พี่คะ หนูกำลังจะกลับไทยนะ"
"เอ๊ะ!!? เดี๋ยวนะ!! นี่โรงเรียนทางนั้นยังไม่ปิดไม่ใช่หรอ!?"
"บ้าหรอพี่ ทางนี้ไม่ได้ปิดตอนเมษาเหมือนไทยนะคะ เอาจริงๆตอนนี้ก็ยังไม่ปิดหรอก แหะๆ แค่อยากเจอพี่เฉยๆ"
....ย้อนไปเมื่อ2ชม. ก่อน...
ในแชท
'นี่เซย์ระ ญี่ปุ่นเป็นไงบ้าง สบายดีไหม'
'ก็ดีค่ะ ทางนี้แปลกดี ผู้หญิงเป็นฝ่ายให้ช็อกโกแลตวาเลนไทม์ด้วยแหละ หนูอยากให้พี่บ้างจัง'
'พี่เองก็อยากได้เหมือนกัน ฮ่าๆๆ แต่คงมาไม่ได้ใช่ไหม'
ควับ!!
ฉันหันไปหาพ่อทันได แล้วรีบบอกให้พ่อซิ่งรถไปซื้อช็อกโกแลตแล้วก็จองตัวเครื่องบินด่วนพิเศษที่จะออกในอีก2ชั่วโมงจากนั้นก็รีบไปสนามบินในทันได
.................................................................
"เห็นบ่นว่าอยากได้ช็อกโกแลตนี่นาเลยซื้อไปฝาก" //กดส่งรูปให้ทางmms

"เพื่อเรื่องแค่นี้ถึงต้องกลับไทยมาเลยเรอะ โอ้ววววววววว"
"เอ้อแล้วก็ หนูจะย้ายมาโรงเรียนเดียวกับพี่ด้วย แต่คงไม่ได้นอนห้องเดียวกัน เพราะพ่อจะซื้อบ้านไว้ใกล้ๆโรงเรียน เสียดายจัง อยากไปนอนกับพี่ที่บ้านยายนะเนี่ย"
แล้วจะได้แอบกินตับด้วยนะหุหุ คิดแล้วน้ำลายสอ ผู้ชายอัลไลอ้อนแอ้นซะหน้าหม่ำชะมัด -..-
"แคบจะตายไม่ต้องมาร๊อกกก"
"เครื่องจะออกแล้วหนูวางสายก่อนนะ ไว้ถึงแล้วจะโทรไป"
แกร่ก!!
พอวางสายเสร็จก็เดินไปทางเครื่องบินอย่างสง่าผ่าเผยมั่นอกมั่นใจ ซักพักมีพนักงานคนนึงบอกว่าให้เอาไปใส่ในกระเป๋า ห้ามนำสัมภาระชิ้นใหญ่ขึ้นเพราะช็อกโก้รูปหัวใจอันมหึมาที่ซื้อมามันใหญ่ซะจนฉันโอบแทบไม่มิดนี่สิ โอ้วโนวววววววววววววว ใส่กระเป๋าไม่ได้ด้วยทำไงดีย์ ToT
หลังจากทุลักทุเลอยู่นานจนขอเอาไปใส่ในตู้เย็นของทางเครื่องบินได้ก็เหนื่อยแทบแย่ กว่าจะไปถึงก็อีกนานนอนพักดีกว่า
Sayra talking end.
.................................................................
Sagara talk.
หลังจบการสนทนากับเซย์ระในสายนั้น ผมเอาแต่กังวลและครุ่นคิดอยู่ตลอด ที่เธอจะกลับมาที่นี่อาจมาเพื่อจัดการกับรินโนะแน่ๆ แต่ผมจะยอมให้เรื่องนั้นเกิดขึ้นไม่ได้เด็ดขาด
ผมพยายามคิดหาทางแก้อยู่บนเตียง จนผลอยหลับไป
"กาลครั้งหนึ่ง มีเจ้าหญิงและเจ้าชายอยู่คู่หนึ่ง ทั้งคู่รักกันมาก... แต่เจ้าชายเป็นพวกหวาดระแวงและขี้หึงเกินไปจึงปิดกั้นผู้คนไว้ไม่ให้เข้าใกล้เจ้าหญิงเลยแม้แต่เพื่อนของพระองค์เอง แรกๆเจ้าหญิงก็ไม่รู้สึกอะไร แต่นับวันเจ้าหญิงก็เริ่มคิดถึงเพื่อนๆและเบื่อเจ้าชายขึ้นมา แต่ทำอะไรไม่ได้เนื่องจากเจ้าชายจับเธอขังไว้ในปราสาท"
เสียงเย็นๆที่ฟังดูไพเราะ เหมือนว่ากำลังเล่านิทานให้ผมฟัง รอบตัวผมมืดมิดไร้แสงสว่าง ผมจึงได้แค่รับฟังเท่านั้น
"...."
"เจ้าหญิงพยายามหาทางออกจนไปเจอเจอจุดที่สามารถหนีออกไปได้เนื่องจากกำแพงนั้นมีรูโหว่ นางได้เข้าออกรูนั้นเพื่อไปหาเพื่อนโดยที่เจ้าชายไม่รู้ นางได้พบปะผู้คนมากมายต่างกับที่ถูกขังไว้ จนนางได้คบชู้ไว้ และใช้ทางเข้าออกนั้นไปหาชู้ นับวันยิ่งออกไปบ่อยขึ้น นานขึ้น จนวันนึง เจ้าชายได้ป่วยลง นางไม่ได้ไปดูแลแต่กลับหนีออกปราสาทเช่นเคย"
"ด...เดี๋ยวสิ" เนื้อเรื่องมันชักจะไม่ค่อยดีแล้วสิ...
"เนื้อเรื่องที่เหลือ คุณจะเป็นผู้สร้างมันขึ้นมาเอง ในตอนนี้ขอให้คุณเดินไปให้สุดทางเดินนี้ แล้วคนที่ปลายทางจะชี้นำคุณเองค่ะ"
หลังจากเสียงนั้นสิ้นลง ไฟข้างหน้าค่อยๆเปิดออกทีละดวง
"ทางเดิน?? ผมน่าจะอยู่ในห้องตัวเองนี่"
ผมค่อยๆเดินไปข้างหน้า พอมองไปรอบข้างก็เห็นภาพวาดเรียงรายอยู่บนผนังสีขาว ซึ่งพวกมันสวยมากทีเดียว
ตึก..ตึก..
ผมเหลือบไปมองข้างหน้า ผมเห็นภาพนึงแต่ตรงนั้นไม่ได้เปิดไฟเอาไว้
ผมค่อยๆเดินเข้าไป พยายามมองมันให้ชัด
แต่ยิ่งเดินเข้าไปหาก็เหมือนภาพมันจะค่อยๆใหญ่ขึ้นทุกๆทีจนมีขนาดใหญ่เท่ากับทางเดิน
ภายในภาพเป็นเหมือนวาดจากในมุมตึกแล้วมองออกมาที่ถนนซึ่งมีไฟสลัวๆและมีเงาของเด็กผู้หญิงคนนึงที่มีดวงตาสีแดงเรืองแสงค่อยๆเดินมาหาผม
"เฮือก!! น..ในมือนั่นมันอะไรกัน.."
ผมผวาไปชั่วขณะเมื่อเห็นเด็กคนนั้นถือหัวของผู้ชายคนนึง และมืออีกข้างก็ถือมีดเปื้อนเลือด เธอแสยะยิ้มอย่างเยือกเย็น
ผมค่อยๆถอยหลัง แต่พอหันกลับไปกำลังจะวิ่งกลับไปทางที่เดินมา แต่กลับกลายเป็นกำแพงตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้
ฉึก!!!
พอหันกลับไปผมก็ถูกปลายมีดอันเย็นเฉียบแทงเข้ากลางอก
ฉัว!!
เธอดึงออกแล้วค่อยๆเดินจากไป เหลือแค่ผมที่สติค่อยๆเลือนราง
"อ๊าก!!!!"
ผมสะดุ้งตื่นขึ้นทันที แต่กลับลุกไม่ขึ้น เหมือนมีอะไรทับอยู่บนตัวผม
"อย่าเสียงดังสิ...คนจะนอน~~"
มีเสียงเล็กๆตอบกลับผมมา
"เอ๊ะ...นี่มันอะไรน่ะ"
ผมดึงผ้าห่มออกก็ปรากฏร่างสาวน้อยผมสีดำขลับ ยาวสลวย ผิวขาวซีด นอนอยู่บนอกผม
"เฮ้ย!! เธอเป็นใครเนี่ย!!"
ผมสะดุ้งสุดตัวลุกพรวดขึ้นจากเตียงทันที
"อาาา...เช้าแล้วหรอ?"
เสียงแหลมเล็กเล็ดรอดปากเล็กๆสีแดงระเรื่อ
เช้า?? นี่มันห้องนอนของผมไม่ใช่หรอ หรือผมเข้าผิดบ้าน =[]=!!?
เธอค่อยๆลืมตาขึ้นช้าๆ ดวงตาสีแดงกลมโตราวกับจะดึงดูดทุกสิ่งเข้าไป ถึงจะน่าขนลุกแต่ก็ดูน่าหลงไหล เพียงสบตาก็ถูกสะกดไว้คร้ายมนต์สะกด หัวใจเต้นรัวราวกับจะปะทุขึ้นอาจเป็นเพราะผมตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น
"นี่มันเป็นฝันแน่ๆ ต้องฝันแน่ๆ"
แปะๆๆ
มือเล็กๆตบมาที่แก้มผมเบาๆแล้วหยิกจนเจ็บจี๊ดถึงทรวง
"ไง ฝันอยู่ไหม"
"โอ๊ย!! พอแล้วๆ เธอเป็นใคร เข้ามาห้องผมได้ยังไง!!"
"ฉันชื่อเซร่า เห็นหน้าต่างไม่ได้ปิดเลยปีนเข้ามา"
"ค...แค่นี้หรอ?"
"อื้ม แค่นี้แหละ"
"..."
ผมทำหน้าเอือมระอากับคำตอบที่สาวแปลกหน้า(ที่ขนาดเท่าเด็กประถมแถมสวยระดับดาราบางคนยังอายแถมคุยไม่รู้เรื่อง)ใช้ตอบคำถามของผม
"หืม?"
เธอเอียงคอมองทำหน้าแบ๊วๆ
เอาจริงๆก็อยากเข้าไปกอดแล้วบอกว่'น่าร๊าก' อยู่หรอก แต่เด็กคนนี้ทำไมถึงเข้ามาในห้องเราแบบนี้ล่ะ
อีกอย่าง...เธอหน้าตาเหมือนคนที่ผมเห็นในฝัน แต่กลับไม่มีความรู้สึกกลัวอะไรเลย
"มองจากรูปร่างและหน้าตา เธอน่าจะเด็กประถมใช่ไหมแต่ว่า..."
ผมเหลือบไปเห็นเนินอก
What!!!
อะไรฟะ เด็กประถมประสาอะไรทำไมถึง!!!
"ฉันไม่ใช่เด็กประถมนะ เห็นแบบนี้ฉันก็อายุมากกว่านายนะ ฮึ่ม!! - )3( - "
น่ารักแฮะ =..=
"ทำหน้างั้นหมายความว่าไงยะ -////-"
"ป๊าว ก็เป็นมาตั้งแต่เกิดนี่ =..="
"ฮึ!! เอาเถอะ จากนี้ไปฝากตัวด้วยแล้วกันนะ "
"หมายความว่าไงน่ะ??"
"จากนี้ไป ฉันจะอยู่ในห้องนี้ไง ^^"
"เห๋!!!!!!!!!!!!!!!!!!!"
Sagara talking end.

Diary foreverWhere stories live. Discover now