สกายพลิกหน้ากระดาษชีวประวัติของเลนินอย่างระมัดระวัง ข้างๆ กัน ซาแวนนาห์กำลังดึงหางตาตัวเองด้วยปลายนิ้วชี้ ตั้งท่ากรีดอายไลเนอร์แบบน้ำลงไปด้วยท่าทีของผู้มีความชำนาญ
"มันจะสามทุ่มแล้วนะแซฟ" เคนส่งเสียงมาจากอีกฝากฝั่ง ทะลุผ่านชั้นหนังสือขนาดใหญ่ที่บังเขามิด สกายจำชื่อหนังสือตรงนั้นได้หมด เอ่อ เกือบหมด มันอัดแน่นไปด้วยตำราการเมืองทุกชนิด ตั้งแต่มาร์กาเรตแห่งอ็องฌู, วูดโรว์ วิลสัน, เลนิน, งานเขียนของเลนิน, มีแม้กระทั่งรัสปูติน
หนังสือ
หนังสือมีอยู่ทั่วซึนโดะขุร้านแห่งนี้ตั้งอยู่ในหลืบเล็กๆ ของความวุ่นวาย ระหว่างคลีนิกดูดไขมันและสถาบันเลิกสิ่งเสพติดทั้งหลาย ตัวอาคารมีสไตล์อินดัสเทรียลแบบไม่ตั้งใจ อิฐสีแดงส่วนใหญ่โดนปกคลุมด้วยเถาไอวี หน้าต่างกว้างเป็นไอหมองตลอดเวลาอันเกิดมาจากอุณหภูมิหนาวถึงกระดูกข้างใน และหากมองจากที่ไกลๆ
ที่นี่ดูเหมือนร้านหนังสือมือสองขนาดเล็กที่เจ้าของคือชายชราผู้ไม่ยอมขายที่ให้นายทุนหน้าไหน แต่ถ้าใครนึกสงสัยและเดินใจลอยเข้ามาใกล้ พวกเขาจะสามารถเห็นได้ว่า ภายใน, นอกเหนือจากชั้นหนังสือและหนังสือจำนวนมหาศาล, ในร้านมีโต๊ะสี่ตัว เก้าอี้ไม้บุนวมขนาบข้างโต๊ะไว้โต๊ะละสองตัว และคนสามคนที่มักก้มหน้าก้มตา (สองคนอาจอ่านหนังสือ อีกคนอาจหลับหรืออะไรก็ตามที่ไม่ข้องแวะกับตำรา) อีกทั้งพวกเขายังอาจเห็นป้ายนีออนขนาดกลางซึ่งเขียนว่า 'ซินโดะขุซูชิ' ถูกติดไว้บนผนังอิฐหลังเคาน์เตอร์ไม้
ซึนโดะขุซูชิขึ้นทะเบียนการค้าว่าเป็นร้านอาหาร แต่หนังสือที่ครอบครองพื้นที่มากกว่าไม่ได้มีไว้ตั้งโชว์หรือเพียงเพื่อตกแต่งร้าน มันดูจริงกว่านั้น มันเป็นหนังสือทั้งหมดจากชีวิตตลอดยี่สิบสี่ปีของเคน เป็นผลจากการที่เขาซื้อหนังสือมาทับถมไว้แม้ไม่มีเวลาอ่านก็ตามที
ที่นี่คือสวรรค์น้อยๆ สำหรับสกาย แต่สำหรับซาแวนนาห์ ชั้นหนังสือทั้งหลายคล้ายจะเป็นอุปสรรคยามเธอต้องเดินไปรับออเดอร์หรือเสิร์ฟอาหารมากกว่า