ถึงเสียที!! ออสเตรเลีย

141 3 0
                                    

ถึงเสียที.. หญิงสาวคิด ขณะที่เที่ยวบินที่นำเธอมาจากบริสเบน ลงจอดที่สนามบินภายในประเทศเพิร์ธอย่างปลอดภัย หลังจากสัญญาณรัดเข็มขัดขณะเครื่องลงจอดดับลง ลิลลดาลุกขึ้นหยิบกระเป๋าจากที่เก็บสัมภาระเหนือศีรษะและยืนรอให้คนข้างหน้าเดินลงไปก่อน ก่อนจะขยับตามไปตรงทางออกของเครื่องเมื่อคนที่ยืนข้างหน้าเธอขยับตัว

หญิงสาวมัวแต่มองออกไปนอกหน้าต่างเครื่องบินด้วยความตื่นเต้นเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เธอเดินทางมาเพิร์ธ ทำให้ไม่ทันรู้ตัวเมื่อคนที่เดินข้างหน้าเธอหยุดเดินกระทันหัน ส่งผลให้เธอเดินชนด้านหลังของเขาอย่างจัง

"อุ๊ย ขอโทษค่ะ" เธอกล่าวละล่ำละลัก
"ไม่เป็นไรครับ แต่ถ้ารีบก็ไปก่อนก็ได้" ชายคนที่เธอเดินชนตอบ พร้อมทั้งเบี่ยงตัวเปิดทางให้เธอไปก่อน
"ไม่เป็นไรค่ะ ฉันไม่รีบ เพียงแต่ไม่ทันมอง"
หญิงสาวตอบและเงยหน้าเพื่อยิ้มให้คนร่างสูงที่เอื้อเฟื้อให้เธอไปก่อน ก่อนที่รอยยิ้มที่เพิ่งจะคลี่ออกเกิดหยุดกระทันหันและเปลี่ยนเป็นอ้าปากค้างเมื่อสบตากับนัยน์ตาเข้มสีอำพันภายใต้กรอบขนตางอนราวกับผู้หญิง ใบหน้าคมเข้มนั้นมีหนวดเคราครึ้มอย่างที่เมื่อเช้าคงจะไม่ได้โกน รวมกับผมหยักศกสีน้ำตาลเข้มที่ยาวระต้นคอ เสื้อเชิร์ตแขนยาวสีขาวที่พับแขนขึ้นมาถึงใต้ข้อศอก กระดุมด้านหน้าสองเม็ดบนถูกปลดออกเผยให้เห็นแผงอกกว้างที่มีขนรำไร ทำให้เขาดูเหมือนกับเป็นนายแบบที่เดินออกมาจากนิตยสาร

"เป็นอะไรหรือเปล่าครับ"
เขาถามเมื่อเห็นเธอจ้องหน้า ตาเบิกกว้าง โดยไม่พูดอะไร
"ปละ เปล่าค่ะ เชิญคุณเดินก่อนเลยค่ะ ขอโทษอีกครั้งที่ไม่ทันมองจนชนคุณ" หญิงสาวตอบก่อนจะหลบนัยน์ตาคมเข้มนั้น และรู้สึกร้อนวูบวาบบนใบหน้า สาบานได้เลยว่าตอนนี้หน้าเธอคงจะกลายเป็นสีแดงราวกับลูกตำลึงสุกแน่ๆ

คนร่างสูงไม่พูดอะไรต่อ เพียงก้มหัวน้อยๆ ก่อนจะยืดตัวตรงและเดินถือกระเป๋าเดินทางใบเล็ก นำหน้าเธอไปที่ประตูทางออกของเครื่อง
ลิลลดามองตามหลังของร่างสูงในชุดเสื้อเชิร์ตกางเกงยีนส์ รองเท้าหนังสีดำที่เดินลับสายตาไปก่อนจะผ่อนลมหายใจออกมายืดยาว
คนอะไรหน้าตาดีชะมัด หญิงสาวคิด และอยากจะกรีดร้องอยู่ตรงนั้น เธอว่าเธอตกหลุมรักชายหนุ่มเพื่อนร่วมทางคนนี้เข้าอย่างจัง ถ้าได้คนหน้าตาแบบนี้เป็นแฟนจะเก็บใส่ตู้โชว์ที่บ้านไม่ให้ออกไปไหนเลยเชียว หญิงสาวคิดเล่นๆอย่างขำๆ ก่อนจะหัวเราะให้กับความคิดห่ามๆของตัวเอง และเดินตรงไปที่ประตูทางออกที่คนหน้าตาดีเพิ่งลับสายตาไป
**********
"การเดินทางเป็นอย่างไรบ้างครับ"
ชายวัยกลางคนจากไร่องุ่นคอร์เนลลี่ที่มารับเธอที่สนามบินถามเมื่อเธอเดินมาพบกับเขายังจุดนัดพบ ตรงประตูทางออกนอกอาคารผู้โดยสาร
"ราบรื่นดีค่ะ แต่นานนิดหน่อย"
หญิงสาวตอบพร้อมยิ้มให้ชายวัยกลางคนท่าทางใจดีตรงหน้า มาร์โคเป็นรองผู้จัดการไร่คอร์เนลลี่ ซึ่งเป็นส่วนไร่องุ่นของคอร์เนลลี่เอสเตท ไวน์เนอรี่ธุรกิจของครอบครัวคอร์เนลลี่ในสวอน วัลเลย์ แหล่งผลิตไวน์แห่งหนึ่งของเพิร์ธ ที่ที่เธอจะไปใช้ชีวิตต่ออย่างนี้อีกอย่างน้อยก็หนึ่งปี เพื่อเรียนรู้ธุรกิจการทำไวน์ ก่อนที่จะต้องกลับไปรับทอดกิจการของพ่อแม่เธอที่ซันไชน์โคสท์ ควีนส์แลนด์ ซึ่งพ่อกับแม่มีแผนจะยกกิจการการทำฟาร์มให้เธอเป็นผู้บริหารต่อหลังจากเธอฉลองวันเกิดอายุครบ 25 ปี ซึ่งอีกเพียงแค่ปีกว่าๆ วันนั้นก็จะมาถึงแล้ว
พ่อกับแม่ของหญิงสาวมีฟาร์มขนาดยี่สิบห้าเอเคอร์ที่เมืองมาเลนี่ เมืองเล็กๆในเขตซันไชน์โคสท์ ทางเหนือของบริสเบน เมืองหลวงของรัฐควีนส์แลนด์ พ่อกับแม่ของเธอทำฟาร์มปลูกผลไม้หลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นกล้วย ส้ม สตรอเบอรี่ และสับปะรด แต่หญิงสาวไม่มีความสนใจที่จะสืบทอดกิจการปลูกพืชผลเหล่านั้นเลย เมื่อพ่อกับแม่ดำริที่จะเกษียณและยกฟาร์มให้เธอจัดการต่อ หญิงสาวจึงต่อรองขอเวลาจนกว่าเธอจะอายุ 25 ปี เมื่อนั้นเธอคิดว่าเธอคงจะรู้สึกเป็นผู้ใหญ่กว่านี้ และน่าจะพร้อมที่จะแบกรับภาระอันหนักหน่วงที่พ่อแม่วางแผนจะวางไว้บนบ่าเธอได้มากกว่าตอนนี้ ในระหว่างนี้ เธอขอเดินทางมาทำงานในไวน์เนอรี่ที่เพิร์ธเพื่อหาความรู้เกี่ยวกับอุตสหกรรมการทำไวน์ให้มากที่สุด เพราะเธอมีแผนจะเปลี่ยนฟาร์มผลไม้ของพ่อแม่ไร่องุ่นและอาจจะเป็นไวน์เนอรี่ต่อไปในอนาคต
ที่ควีนส์แลนด์ อุตสาหกรรมการทำไวน์กำลังเติบโตขึ้นมากกว่าในอดีตที่ผ่านมา แม้จะไม่ใช่เรื่องที่คนทั่วไปจะรู้จักนักว่าที่ควีนส์แลนด์ก็มีพื้นที่เหมาะสมสำหรับการปลูกองุ่นเพื่อผลิตไวน์ แต่บริเวณที่เธออยู่ก็มีฟาร์มหลายแห่งที่เริ่มทำไร่องุ่นและไวน์เนอรี่ หญิงสาวมองเห็นช่องทางที่จะขยายกิจการฟาร์มให้มากกว่าที่เป็นอยู่ และคู่แข่งตอนนี้ก็ยังไม่มากนัก หากเธอเริ่มเข้าสู่อุตสาหกรรมไวน์ในช่วงเริ่มต้นนี้น่าจะเป็นการดีกว่า
"ลิลลี่ เป็นอะไรไปหรือเปล่าครับ"
มาร์โคส่งเสียงมาจากด้านข้างคนขับ ปลุกหญิงสาวให้ตื่นจากภวังค์ความคิดของตัวเอง
"เอ่อ.. ฉันไม่ได้เป็นอะไรค่ะ เพียงแต่คิดถึงที่บ้านนิดหน่อย"
หญิงสาวตอบก่อนจะหันไปยิ้มให้คนที่กำลังขับรถ
"ที่เอสเตทของเรามีคนเยอะแยะ ลิลลี่คงจะไม่คิดถึงบ้านหรอกครับ"
มาร์โคบอกหญิงสาวกึ่งๆจะปลอบใจ เพราะเข้าใจว่าหญิงสาวที่เดินทางข้ามจากฝั่งตะวันออกมาตะวันตกคนเดียว คงจะคิดถึงบ้านไม่มากก็น้อย
"ที่ไร่มีใครอยู่บ้างหรือคะ" หญิงสาวถาม
"ถ้าในส่วนไร่องุ่น เราจะมีคนงานที่มาทำงานทุกวัน แต่จะกลับบ้านในตอนเย็น จะมีอยู่ประจำก็ผมกับบาร์บาร่า ซึ่งเป็นแม่บ้านดูแลความเรียบร้อยในบ้านให้กับคุณราฟและบ้านใหญ่ ผมกับบาร์บาร่าอยู่บ้านหลังที่คุณลิลลี่จะไปอยู่นี่ล่ะครับ ส่วนคุณราฟจะอยู่คนเดียวในบ้านของเขาอีกหลังหนึ่ง ในส่วนไวน์เนอรี่ ร้านอาหาร และเซลล่าดอร์ ก็จะมีพนักงานมาทำงานเช้าไปเย็นกลับ คึกคักกันทุกวัน จริงๆแล้วเซลล่าดอร์เป็นชั้นล่างของบ้านหลังเก่าแก่ที่คุณฟาบิโอกับคุณกลอเรียพ่อแม่ของคุณราฟ กับคุณวิทตอเรีย น้องสาว อาศัยอยู่กันน่ะครับ"
"อยู่กันหลายคน ท่าทางจะคึกคักจริงๆด้วยล่ะค่ะ"
หญิงสาวตอบและยิ้มให้เขาอีกครั้ง
คุณราฟ.. มาร์โคคงจะหมายถึง ราฟาเอล คอร์เนลลี่ ลูกชายคนโตของตระกูลคอร์เนลลี่ ที่เป็นผู้บริหารสูงสุดของคอร์เนลลี่เอสเตทตอนนี้สินะ หญิงสาวไม่เคยได้ติดต่อโดยตรงกับชายผู้ซึ่งจะเป็นเจ้านายของเธอโดยตรง ทุกอย่างผ่านทางมาร์โคซึ่งเป็นผู้ช่วยของเขาเท่านั้น ซึ่งก็แหงล่ะ ผู้บริหารแบบเขาจะมาติดต่อกับพนักงานต๊อกต๋อยอย่างเธอให้เสียเวลาทำไม
หญิงสาวติดต่อสมัครงานมาเป็นพนักงานประจำไร่แบบอยู่ประจำในคอร์เนลลี่เอสเตทแห่งนี้ โดยหวังว่าระหว่างทำงานนี้เธอจะได้เรียนรู้และเก็บเกี่ยวประสบการณ์การทำงานในไร่องุ่นจากการทำงานโดยตรง และมีคนงานผู้มากประสบการณ์ช่วยถ่ายทอดความรู้ให้ และหวังว่าเมื่อเธอกลับไปเริ่มต้นปลูกองุ่นของตัวเอง ประสบการณ์ตรงนี้คงจะช่วยเธอได้บ้างไม่มากก็น้อย
"ลิลลี่เคยมาเพิร์ธมาก่อนหรือเปล่าครับ" มาร์โคชวนคุย

First Love In AustraliaHikayelerin yaşadığı yer. Şimdi keşfedin