ในความฝันของลูน่า เลิฟกู๊ด เธอกำลังยืนอยู่ในที่แห่งหนึ่งที่มืดสนิทและไร้ทางออก ข้างหน้ามีอุโมงค์ใหญ่สีดำลึกอยู่ตรงหน้าทั้งสองทางเหมือนเป็นทางเลือกให้เธอเลือกเดินว่าจะเลือกเดินต่อไปทางไหน ลูน่ามองทางอุโมงค์ใหญ่อันมืดมิดที่เหมือนกำลังเคลื่อนตัวเข้ามาหาเธออย่างเชื่องช้าด้วยความตื่นกลัว
'ลูกกำลังโกหกตัวเองอยู่ถอนคำสาปนั่นซะ คำสาปนั่นกำลังจะเกราะกินและทำลายจิตใจของลูก...'
มีเสียงเสียงหนึ่งสะท้อนก้องออกมาจากทางอุโมงค์ข้างหน้า ลูน่าชั่งใจว่าจะเดินไปมั๊ยเพราะว่าเสียงนั่นฟังดูคล้ายเสียงของแม่เธอรึเกิน ทุ้มเสียงอันไพเราะที่เธอไม่ได้ยินมานานนับสิบปีแล้ว แต่ความลังเลและชั่งใจก็ทำให้ลูน่าเลือกที่จะหยุดยืนนิ่ง และมองตรงไปข้างหน้าความมืดมิดที่มองไม่เห็นทางเดินในอุโมงค์มืดยักษ์นั่น ราวกับว่าถ้าเธอตัดสินใจก้าวเท้าเดินตรงไปยังอุโมงค์ที่เป็นดั่งเส้นทางเลือกมันจะมีหลุมขนาดใหญ่ที่เธอมองไม่เห็นซ่อนอยู่ และพลัดร่างของเธอให้จมดิ่งลงไปทุกอย่างตอนนี้ดูน่ากลัวและมืดมิดไปหมดจนเธอไม่กล้าที่จะก้าวเท้าเดินไปข้างหน้าอีกต่อไปราวกับถูกสาปให้เป็นหินอยู่กับที่ แต่ก่อนที่ลูน่ากำลังจะได้ตัดสินใจอะไร เสียงนุ่มอันไพเราะที่เธอแสวงหามาตลอดก็ดังขึ้นที่ข้างหูอีกครั้ง ทำให้ลูน่ารีบยื่นมามือข้างหน้าและไล่คว้าอากาศอันว่างเปล่าตรงหน้าราวกับเธอสามารถจะดึงร่างของแม่เธอให้กลับมาอยู่กับเธออีกครั้งหนึ่งได้ แต่มันก็เปล่าประโยชน์...
'ลูกต้องถอนคำสาปนั่นซะ มันจะทำลายลูกนะลูน่าลูกแม่'
'มันไม่ใช่ความผิดของลูก ถอนคำสาปนั่นซะนะลูน่า'
น้ำตาสีใสเอ่อล้นอาบแก้มใสด้วยความคิดถึงแล้วเจ็บปวดในใจ แต่เธอกลับได้ยินประโยคประโยคเดียวที่แม่ของเธอหรือคุณนายเลิฟกู๊ดเฝ้าบอกเธออยู่ตลอดเวลาในฝันราวกับเป็นเสียงสะท้อนในหัว แต่ถ้าจะคลายคำสาปที่เธอเป็นคนสร้างเองกลับมือเธอคงทำไม่ได้เพราะในเมื่อเธอตัดสินใจเลือกเดินทางเดินนี้แล้ว เธอจะไม่กลับไปยังจุดเดิมอีกเด็ดขาด
"หนูคงทำไม่ได้ค่ะแม่ หนูเลือกแล้วที่จะเป็นลูน่าสติเฟื่องที่ทุกคนต่างหัวเราะเยาะดีกว่าที่จะกลับมาเป็นลูน่าคนนั้น ลูน่าที่รู้วิธีการแก้คำสาปที่จะช่วยแม่ให้รอดพ้นจากความตายแล้วเธอก็ทำไม่ได้...ฮึก...ลูน่าคนที่ครั้งหนึ่งเคยเกือบเสกคาถาสาปแช่งอย่างลืมตัว หนูจะไม่กลับไปค่ะแม่.."
ถึงลูน่าจะร้องไห้หนักมากซะเพียงใดแต่คำพูดที่เธอพูดออกมาช่างดูหนักแน่นเป็นเครื่องหมายยืนยันชัดเจน
'มันไม่ใช่ความผิดของลูก ทุกคนมีความผิดพลาดกันได้ ถอนคำสาปนั่นเถอะนะลูกแม่'
รอยยิ้มอ่อนโยนบนใบหน้าสวยของคุณนายเลิฟกู๊ดหรือแม่ของเธอเป็นสิ่งสุดท้ายที่ลูน่าเห็น ก่อนที่ร่างทั้งร่างของแม่ลูน่าจะสลายหายไปกับความมืดมิดเบื้องหน้า ลูน่าพยายามอีกครั้งที่จะไขว่คว้าแม้ของเธอเข้ามาไว้ในอ้อมกอด
'อยากกอดแม่สักครั้ง'
แต่สุดท้ายมันก็เปล่าประโยชน์เพราะสิ่งที่เธอกำลังไขว่คว้านั้นก็แค่อากาศ ร่างบางตัดสินใจที่จะวิ่งไปข้างหน้าและวิ่งต่อไปอย่างไร้จุดหมายอย่างไม่คิดชีวิตและไม่กลัวอุปสรรค์อันตรายภายหน้า จนกระทั่งร่างบางของลูน่ายืนหยุดอยู่กับที่พร้อมกับชายร่างสูงที่ใส่เสื้อคลุมสีดำยาวคลุมลงมาทั้งตัวพร้อมกับหน้ากสกสีเงินวาวที่ปิดอยู่ครึ่งหน้า ผู้เสพความตาย!
ความกลัวที่มีอยู่แล้วก่อนหน้านี้ท่วมท้นมากขึ้นไปอีก มือบางปัดป่ายไปทั่วกระโปรงและตามเสื้อผ้าเพื่อหาไม้กายสิทธิ์คู่กายแต่ยังงัยก็หาไม่พบ 'ช่างเป็นฝันที่เหมือนจริงและโหดร้ายจริงๆ จะฝันทั้งทีขอให้มีอาวุธติดตัวบ้างได้มั๊ย' ลูน่าต่อว่าความฝันตัวเองอย่างขุ่นมัว ก่อนจะหันหน้าไปเผิชญกับผู้เสพความตายตรงหน้า
ร่างสูง ผมสีบรอนด์ซีดและนัยต์ตาสีเทาที่จ้องมาที่เธอด้วยความรู้สึกที่ยากจะอ่านความรู้สึกออก
"เดรโก..."
ลูน่าเอ่ยชื่อผู้เสพความตายคนนั้นออกมาเบาๆในขณะที่ร่างสูงที่ถูกเรียกนั้นแสยะยิ้มมุมปากเล็กน้อย และชี้ไม้กายสิทธิ์ของตนไปที่ลำคอระหงส์ของลูน่า ดวงตากลมโตปิดลงทั้งสองข้างอย่างรอคอยความตาย ในขณะที่ลำแสงสีเขียวพุ่งออกมาจากไม้กายสิทธิ์ของร่างสูงพร้อมกับความมืดและเสียงกรีดร้องอันเป็นสิ่งสุดท้ายที่ลูน่ารู้สึกถึงได้...
YOU ARE READING
[ HARRY POTTER ] THE LIGHT IN THE DARKNESS
Randomทุกคนต่างมีความลับและความรู้สึกที่ถูกปิดซ่อนไว้ในภายใต้ความรู้สึกส่วนลึกของจิตใจ อยู่ที่ว่าจะเลือกเดินทางไปยังเส้นทางใหม่หนือจมอยู่กับมันก็เท่านั้นเอง ลูน่า - เส้นทางของนายมันไม่มืดหม่นขนาดนั้นหรอกนะเดรโก แสงสว่างมันยังมีอยู่ที่ทางเดินข้างหน้าให้นาย...