ไมเคิล คลิฟฟอร์ด
ลุค เฮมมิงส์
แอชตัน เออร์วิน
และ
คาลัม ฮู้ด
รถตู้โฟล์คสุดคลาสสิคไหวโคลงไปมา ฉันเอาแต่จ้องตุ้กตาโบโซ่ที่ห้อยตรงกระจกราวกับถูกสะกดจิต ...แน่นอนว่ารถBMW มีความจุไม่พอกับประชากรและข้าวของทั้งหมด ต่างฝ่ายต่างขนราวกับจะย้ายบ้านครั้งใหญ่ ฉันเอาแต่จินตนาการไปเองว่าเจ้าหล่อคันเก่งของบ้านจะถูกนำออกมาใช้โดยไม่คำนึงถึงความจริง
รถจากผู้จัดการวงมาเลทไปสักครึ่งชั่วโมง เขาอาสาแค่เพียงขับรถ ฉันเห็นลุคนั่นหน้าสุด ใช่เขาไม่ปรึกษาใคร และพื้นที่ตรงนั้น สมควรจะเป็นฉันมากกว่าด้วยซ้ำ เอลลีนบุคคุลที่ไม่มีใครรู้จัก!!
ฉันหวังว่าจะไม่มีใครรู้จัก....
“อย่าทำหน้าผิดหวังให้มันมากนักเลยน่ะ” เสียงทุ้มแปร่งข้างๆเล่นเอาขนลุกซู่ สองหูของฉันยังคงทำงานได้ดี ทว่า ฉันยังคงไม่ละสายตาจากหัวตุ๊กตาโบโซ่อันแกว่งไกว ทุกครั้งที่รถหักเลี้ยว ฉันจะเห็นมันแกว่งลอยขึ้นมาเต็มๆทั้งตัว ฉันอาจจะลองนับจังหวะที่มันส่ายสะโพกเพื่อเพิ่มสมาธิในอีกไม่ช้า จิตใต้สำนึกฉายภาพแววตาเศร้าโศกของเบ็น สมิธในขณะที่เอามันส่งให้กับแม่ของลุคดูแลแทนชั่วคราว โอ..เพื่อนยาก ฉันคิดถึงมันขึ้นมาตะหงิดๆTT
“รู้สึกอยากกรี้ดสินะ อยากให้เขาเซ็นลายเซ็นบนบิกินี่รึปล่าว?” ----กลิ่นเหม็นไหม้นั่นชวนคลื่นไส้
พยายามกระเถิบแขนออกให้ไม่มีส่วนใดของเราแตะต้องกันอีก----คนปากสว่างไม่ยอมลดละ—ท้ายที่สุดฉันก็ต้องละตบะกว่า20นาทีที่สร้างมาเพื่อหันไปเผชิญหน้าแอชตัน เออร์วิน ซึ่งเบาะนั่งติดกัน
BINABASA MO ANG
The goose story (5sos)
Fanfictionดูเหมือนว่าเรื่องที่ซิดนีย์น่าจะจบลงด้วยดี นับถอยหลัง....วันเวลาที่จะได้กลับบ้าน ทว่า บางอย่างกำลังจะทำให้ฉันเปลี่ยนใจ ...... **เรื่องแรกที่แต่งแฟนฟิคแบบนี้ ฝากด้วยค่ะ ยังงงๆกับแอพนี้อยู่เลยTT