วันนี้ก็เป็นวันที่สองที่ฉันอยู่ที่ออสเตรเลีย ฉันปรับตัวได้เร็วมากกับสภาพอากาศที่หนาวเย็น และการใช้ชีวิตที่นี้ก็เป็นไปอย่างราบรื่น ฉันไม่ได้คิดถึงพ่อกะแม่เลย คิดแต่ว่าท่านคงแฮปปี้กับการทำงานมาก เมื่อฉันไม่อยู่ - ^ -
วันนี้ฉันตื่นแต่เช้าตรู่ ชั่งเป็นวันที่ตื่นเต้นจริงๆ ตอนนี้ฉันกำลังนั่งกิน Breakfast ที่ป้าณิชาเตรียมไว้ให้อย่างเอร็ดอร่อย ลุงโอลิเวอร์กับป้าณิชากำลังแยกย้ายกันเตรียมตัวไปทำงาน ลุงนะทำงานเป็นนักบัญชี ส่วนป้าทำงานเป็นนักแปล
- ตอนนี้ฉันกินอาหารเสร็จแล้ว -
ฉันเก็บจาน และก็ล้างจานเรียบร้อย หลังจากนั้นฉันก็หยิบเสื้อเจ็คเก็ต ใส่รองเท้าบู๊ท ในมือถือเอกสารส่วนตัว เพื่อเตรียมตัวไปสมัครงาน
"ป้าณิชาค่ะ หนูไปก่อนนะค่ะ" ฉันพูดบอกลาด้วยความตื่นเต้น
"เดี่ยวสิจ้ะเบ็ทท์แล้วรู้เหรอว่าจะไปที่ไหน" ป้าณิชาพูดด้วยความเป็นห่วง
"ไม่ต้องห่วงค่ะ ลุงโอลิเวอร์ให้แผนที่หนูไว้แล้ว หนูจะไปตามเส้นทางที่ลุงโอลิเวอร์มาร์คไว้ค่ะ ^ ^"ฉันพูดด้วยรอยยิ้ม
"โอเครจ้ะ ให้ป้าไปส่งไหม" / "ไม่เป็นไรค่ะ หนูเดินไปดีกว่า หนูจะได้ชินกับที่นี้มากขึ้นค่ะ" / "งั้นโอเครจ้ะ เดินดีๆนะ ถ้ามีอะไรโทรหาป้าได้เลย อ่านี่กุญแจบ้าน ป้ากับลุงจะกลับมาตอนบ่าย 4 นะจ้ะ"
ป้าบอกพร้อมยื่นกุญแจให้
"งั้นหนูไปเลยน่ะค่ะ แล้วเจอกันค่ะ ป้าณิชา ลุงโอลิเวอร์" ฉันพูดพร้อมโบกมือบายๆ และก็เดินออกจากบ้านตามแผนที่ที่ลุงโอลิเวอร์ให้ไว้จนมาถึงร้านกาแฟแห่งหนึ่ง
"สวัสดีค่ะ ฉันชื่อเบ็ททิน่า ฉันมาสมัครงานค่ะ ไม่ทราบว่ามีตำแหน่งงานว่างรึเปล่าค่ะ"
ฉันพูดกับเจ้าของร้าน
"ขอโทษนะสาวน้อยที่นี้ไม่มีตำแหน่งงานว่างเลย" เจ้าของร้านกาแฟพูดกับฉันก่อนที่เค้าจะก้มหน้าทำงานไป ฉันรู้สึกเสียใจนิดๆแต่ก็ไม่ทำให้ท้อใจหรอกเพราะนี้ยังเป็นแค่จุดเริ่มต้น
ฉันเดินไปยังจุดที่สองตามแผนที่จนมาหยุดที่ร้านดอกไม้เล็กๆร้านหนึ่ง ฉันเดินตรงเข้าไปหาผู้หญิงวัยสักราวๆ 60ปี "สวัสดีค้ะ ฉันชื่อเบ็ททิน่านะค่ะ ฉันมาสมัครงานค่ะ ถ้าคุณต้องการคนช่วยรดน้ำดอกไม้ ให้ปุ้ยล่ะก็ ฉันสามารถทำได้นะค่ะ" ฉันพูดอย่างอ่อนหวาน
"ไม่ละจ้ะสาวน้อย ที่นี้ไม่ต้องการพนักงานหรอก"
ผู้หญิงคนนั้นพูด
"ทำไมละคะ ฉันสามารถทำได้ทุกอย่างนะคะ" ฉันพูดเอาใจอีกครั้งนึง
"กลับไปเถอะเจ้าหนู ฉันทำคนเดียวยังไหวอยู่" ดูท่าทางผู้หญิงคนนี้ชอบทำงานสงบๆนะ ฉันไม่อยากตื้อเค้าสักเท่าไร ไปก็ไปไม่เป็นไรยังมีอีก
ฉันเดินไปเรื่อยๆตามแผนที่ยังจุดที่สามจนถึงร้านสะสมของโบราณแห่งหนึ่ง ฉันรวบรวมความกล้าอีกครั้ง
สวัสดีค่ะ ฉันชื่อเบ็ททิน่าค่ะ ฉันมาสมัครงาน ฉันสามารถช่วยดูแลของให้คุณได้นะได้นะค้ะ"
ฉันพูดกับผู้ชายใส่แว่นท่าทางหยิ่ง
"หึ คนเอเชียรึ ? เห้อะ กลับไปเถอะฉันไม่รับคนเอเชียหรอก ไว้ใจได้รึเปล่าก็ไม่รู้ ถ้าของฉันหายล่ะ" ผู้ชายคนนั้นพูดดูถูกฉัน "ฉันไม่ทำของคุณหายหรอก ทำไมคุณต้องคนเอเชียเป็นขโมยด้วยล่ะ!" ฉันเริ่มจะระงับความโกรธไม่อยู่
"กลับไปซะ!" ผู้ชายคนนั้นปิดประตูใส่หน้าฉัน "โธ่เอ่ย ดูถูกกันยังไม่พอยังจะปิดประตูใส่หน้าอีก ฉันขอให้ร้านแกเจ้ง" ฉันต่อว่าก่อนที่ฉันจะเตะประตูอย่างแรง โดยไม่รู้ว่ามันเจ็บบ "โอ้ยย!" ฉันเจ็บเท้าอย่างหนักแต่ก็ทำให้ฉันระงับความโกรธได้ ในใจของฉันมีความกล้าแค่ 50% เท่านั้น ฉันตัดสินใจเดินต่อไปเรื่อย ถึงร้านอาหารและร้านหนังสือ แต่ฉันก็แห้วอีกตามเคย ไม่มีที่ไหนรับฉันเข้าทำงานเลย ตอนนี้ก็บ่าย 2 ล่ะ ฉันท้อใจและกำลังจะเดินกลับบ้านในทางลัดที่ลุงโอลิเวอร์เขียนไว้ โดยการเดินผ่านหน้าสถานี SBS Australia ซึ่งช่วยทำให้ระยะการเดินสั้นลง ฉันเลยเดินตรงไป แต่ทว่าตรงหน้าสถานี SBS Australia นั้นคนเยอะแยะไปหมด พร้อมเสียงกรี๊ดดังสนั่น สงสัยฉันคงเดินผ่านไปไม่ได้แน่ และฉันคงไม่เดินกลับทางเดิมแน่นอนเพราะระยะทางมันไกลมาก ฉันหยิบแผนที่ขึ้นมาดูอีกครั้ง เพื่อหาทางกลับ 0-0 โอ้! ฉันเจอทางนึงเราต้องเดินอ้อมหลังสถานีและเดินออกทางนี้แล้วเดินอีก 200 เมตรก้จะถึงทางเข้าหลังบ้าน เย้ๆ!
เมื่อฉันเจอทางที่ลัดกว่า ฉันจึงเดินไปทางหลังสถานี ประตูหลังสถานีเขียนว่า "Only Business" ฉันรู้ว่าฉันเข้าไปไม่ได้แต่จะทำไงได้เพราะฉันจำเป็นต้องกลับบ้านทางนี้ "แอบเข้าไปสักนิดคงไม่เป็นไร ทำตัวเนียนไปๆคงไม่มีใครเห็นหรอก"
เมื่อฉันคิดได้เช่นนั้น ฉันจึงเดินผ่านประตูทางเข้าไป หลังสถานีมีคนกำลังขนของออกจากรถเยอะและกำลังมีผู้ชายคนนึง รูปร่างอ้วน หัวโล้นพูดตะโกน "รีบๆเข้าเราต้องรีบเอาของทั้งหมดไปวางเอาไว้ข้างใน เพื่อเตรียมมินิคอนเสิร์ต เร็วๆเข้า" ผู้ชายคนนั้นตะโกน ทำให้ทุกคนที่กำลังขนของวิ่งอย่างรวดเร็ว หากแต่ว่าผู้ชายคนนึ่งกำลังถือกระเป๋ากีต้าร์ โดยไม่สังเกตว่ากระเป๋าหน้าซิปเปิดอยู่ ทำให้อะไรบางอย่างตกลงที่พื้น ฉันรีบวิ่งเข้าไปดูปรากฎว่าเป็น ปิ้กกีต้าร์ที่มีรูปตัว M ฉันมั่นใจว่าต้องเป็นปิ้กกีต้าร์ของกีต้าร์ตัวนั้นแน่นอน "คุณค่ะ คุณทำของหล่น"
ฉันตะโกนเรียกผู้ชายคนนั้น แต่คงไม่ทันเพราะเข้าวิ่งเข้าไปในสถานีแล้ว "ฉันจะทำยังไงดี จะรอเขาอยู่หรือจะเอาไปให้เขาข้างในดี" ??? ฉันครุ่นคิด "แต่ถ้าขาดปิ้กก็เล่นกีต้าร์ไม่ได้" เมื่อคิดได้เช่นนั้น จึงรีบวิ่งตามผู้ชายคนนั้นไปในสถานี
[[ในสถานี SBS Australia]]
ผู้ชายอ้วนคนนั้นกำลังตำหนิผู้ชายคนนั้น "นี่ทำงานกันประสาอะไร
ทำไมปล่อยให้ของชิ้นเล็กชิ้นน้อยที่สำคัญอย่างนั้นหายไปได้ นี่ถ้าเค้ารู้ว่าปิ้กกีต้าร์อันโปรดของเขาหายไป มีหวังเค้าต้องไม่เล่นมินิคอนเสิร์ตนี่แน่" ผู้ชายอ้วนหัวโล้นพูดด้วยความกระวนกระวายใจ และในขณะนั้นเอง ผู้ชายคนนึงรูปร่างโต ผิวขาว ผมสีส้มเดินมา "ได้เวลาแล้วไหนกีต้าร์ฉันละ?" ผู้ชายคนนั้นถาม "นี่ครับ" ผู้ชายหัวโล้นคนนนั้นยื่นกีต้าร์ให้
"แล้วไหนปิ้กกีต้าร์ฉันละ?" ผู้ชายคนนั้นถามอีกครั้ง ทำเอาทุกคนอ้ำอึ้งกัน "คะ-คะ-คะ คือปิ้กกีต้าร์หายไปครับ" ผู้ชายคนที่ทำปิ้กกีต้าร์หายไปพูด
"ห้ะ หายไป! หายไปได้ยังไง นั้นมันปิ้กกีต้าร์อันโปรดฉันเลยนะ แล้วฉันจะเล่นคอนเสิร์ตยังไงล่ะ!!"
ผู้ชายหัวสีส้มหัวเสีย ตะโกนพูดอย่างสติแตก ทำเอาเพื่อนเขาอีกสามคน คนนึงถือกีต้าร์ คนนึงถือเบส อีกคนถือไม้กลอง เดินมาหาเค้า
"เกิดอะไรขึ้นนะ" ผู้ชายคนถือเบสถาม
"ปิ้กกีต้าร์ฉันหายไป" ผู้ชายหัวสีส้มตอบ "นายเอาอันใหม่ก็ได้นี่" ผู้ชายผมสีบอนด์เจาะปากพูด
"นายไม่เข้าใจหรอกนั้นมันอันโปรดของฉัน" ผู้ชายหัวส้มพูดด้วยอารมณ์ร้อน
"แต่นายจะทำให้งานเราเสียนะ" ผู้ชายคนที่ถือไม้กลองพูด
= ตอนนี้สถานการณ์เริ่มจะวุ่นวาย =
ฉันถอดแว่นออกแล้ววิ่งสุดกำลัง ในมือถือปิ้กกีต้าร์อันนั้น "คุณค่ะ คุณทำปิ้กกีต้าร์หล่นนะคะ" ฉันรีบวิ่งไปหยุดตรงที่คนกำลังวุ่นวาย
"นั้น! นั้นมันปิ้กกีต้าร์ฉันนี่" ผู้ชายหัวส้มคนนั้นวิ่งเข้ามาหาฉันแล้วก็สวมกอดฉัน ฉันทำตัวไม่ถูก ชีวิตฉัน ไม่เคยมีผู้ชายคนไหนกอดฉันแบบนี้มาก่อนยกเว้นพ่อ"ขอบคุณเธอมากๆเลยนะที่หาปิ้กกีต้าร์ฉันเจอ" ผู้ชายคนนั้นหน้าคุ้นๆยังไงบอกไม่ถูก มองไม่ชัด ฉันรีบหยิบแว่นจากกระเป๋าเสื้อเจ็คเก็ตขึ้นมาใส่ "เห้ยยยยยยยย คุณคือ ไมเคิล คลิฟฟอร์ด มือกีต้าร์วง 5 Seconds of Summer นี่!!! 0 - 0"
ฉันสตั้นสามวิ แถบที่จะไม่เชื่อตาตัวเอง
ฉันได้เจอ5SOS แล้ว ตอนนี้พวกเค้าอายุ 24 แล้วล่ะ
"พวกเราขอบคุณจริงที่ช่วยพวกเราเอาไว้ ไม่งั้นมีหวังไมเคิลคงสติแตกแน่"
ผู้ชายสองคนเดินเข้ามาหาฉันพร้อมพูดขอบคุณ "คุณคือลุค เฮมมิ่งส์และแอชตัน เออร์วินน !!!"
ฉันอึ้งอีกครั้ง นี่มันใช่ความจริงหรือเนี่ย
แน่นอน มันคือความจริง
"แล้วเทอหาปิ้กนี่เจอได้ยังไง?" ผู้ชายคนที่ถือเบสถามฉัน แน่นอนจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก คาลัม ฮู๊ด แต่แปลกตรงที่ตัวจริงของเค้าไม่ร่าเริงเหมือนคลิปหรือเอ็มวีเพลงที่ฉันเคยดู ดูขรึมสักมากกว่า
"ฉันเห็นคนทำตกหล่นที่พื้นฉันเลยรีบวิ่งตามเขามาเพื่อเอามาให้" ฉันตอบเขาไป
"เธอเป็นใคร แล้วเธอเค้ามาที่นี่ได้ไง
ผู้ชายหัวโล้นคนนั้นถาม
"ฉันชื่อเบ็ททิน่า เรียกว่าเบ็ทท์ก็ได้ ฉันมาสมัครงานทำแถวๆนี้แต่ไม่มีที่ไหนรับฉันทำงานเลย ฉันเลยกำลังจะกลับบ้าน บังเอิญว่าทางนี้ลัดที่สุดสำหรับทางกลับบ้านฉัน ฉันเลยเดินมานี้ ก่อนที่จะเห็นว่ามีคนทำปิ้กหล่น จึงวิ่งเข้ามาให้" ฉันพูดอย่างรวดเร็ว
"เธอเป็นคนเอเชียแล้วทำไมถึงชื่อว่า เบ็ททิน่า" คาลัมถามฉัน
"คุณก็หน้าเหมือนคนเอเชีย คุณยังชื่อคาลัมได้เลย" ฉันตอบโคตรกวนตีน ทำเอาคาลัมเงิบ และทำเอาไมเคิล ลุค แอชตันหัวเราะ
"ขอบคุณเธอมากๆนะ เอ่อนี่ เมื่อกี้เธอพูดว่าเธอกำลังหางานทำเหรอ" ผู้ชายหัวโล้นถาม
"ช่ายค่ะ แต่ไม่มีใครรับเข้าทำงานเลย" ฉันตอบ
"แล้วเธอสามารถทำอะไรได้บ้าง?"
"ฉันทำได้ทุกอย่างค่ะ" ฉันตอบ
"แล้วเธอดูแลเครื่องดนตรีได้ไหม
ผู้ชายหัวโล้นถาม
"ได้สิค่ะ หรือจะให้ฉันเล่นมันก็ได้นะค่ะ 555"
ฉันตอบไปงั้นๆละ พร้อมหัวเราะ
"โอเครงั้น ผมรับคุณเข้าทำเครื่องเป็นคนดูแลเครื่องดนตรี"
"ได้เวลาแสดงแล้วครับ"
"บายๆเบ็ทท์แล้วเจอกัน บาย บาย"
ไมเคิล ลุค แอชตันพูดกับฉัน ก่อนที่จะเดินจากไป ยกเว้นคาลัม เข้ายังคงจ้องมาที่ฉันอย่างตะหิดๆ
"ห้ะ!!เมื้อกี้คุณบอกว่ารับฉันเข้าทำงานเหรอค่ะ" ฉันตกใจ
"ช่าย ฉันชื่อปีเตอร์ เป็นหัวหน้าดูแล 5SOS ยินดีรับเธอเข้าทำงานเป็นคนดูแลเครื่องดนตรีประจำ 5SOS ร่วมกับแดเนียล"
เค้าชื่อไปที่ผู้ชายหล่อๆ อายุราวๆฉัน เค้าเป็นคนที่ทำปิ้กกีต้าร์หล่นนั้นเอง
"ขอบคุณนะคะที่รับฉันเข้าทำงาน!"
ฉันตอบด้วยความดีใจ
"แต่เธอต้องเอาเอกสารประจำตัวมาให้ฉันด้วย" ฉันรีบยื่นซองเอกสารให้ปีเตอร์
"เออแต่ว่าถ้าเธอทำงานนี้เธอต้องออกนอกสถานที่บ่อยหน่อยน่ะ"
"ไม่มีปัญหาค่ะ" ฉันรีบตอบเพราะนี่เป็นโอกาสดีที่ฉันจะได้เจอ5SOS ทุกวัน
"โอเค งั้นเริ่มงานพรุ่งนี้ พรุ่งนี้มาเจอกันที่สตูดิโอส่วนตัว เวลา 8:00 เดี่ยวแดนเนียลจะพาเธอไปเอง"
ปีเตอร์บอกฉัน ก่อนที่เค้าจะเดินไปจัดการงานต่อ
"ยินดีที่ได้รู้จักเบ็ทท์ ฉันแดเนียล เรียกฉันว่า แดน นะ ฉันต้องขอขอบคุณเธอมาก เธอทำให้ฉันไม่โดนไล่ออก และยังได้เพื่อนเพิ่มมาอีก ดีใจจิงๆ"
แดนพูดกับฉัน พวกเร็วเป็นเพื่อนกันในทันที
"เห็นว่าเธอจะกลับบ้านใช่ไหม ให้ฉันขี่รถไปส่งไหม" แดนถามฉันน
"เอ่อ..." ฉันรีบดูนาฬิกา นี่ปาไป บ่าย 3:40 แล้วฉันต้องรีบกลับบ้าน
"โอเคแดน งั้นฉันขอรบกวนเธอล่ะกัน" ฉันยิ้ม
"ด้วยความยินดี" แดนพูดพร้อมยิ้มให้
_ฉันไม่รู้มาก่อนเลยว่าในชีวิตฉันจะได้เจอกับ 5SOS และยังได้ทำงานใกล้ๆเขาอีก ฉันชั่งโชคดี แต่เขาคงไม่มาคุยกับคนอย่างฉันหรอก แต่แค่ได้อยู่ใกล้เค้าก็ดีแล้ว_^^จบได้แล้วค่ะ Part3
ความสนุกยังมีต่อใน Part หน้า ติดตาม
กันเยอะๆนะค่ะ^^BettinaHannah
08/10/2558

YOU ARE READING
This Love Give You All (รักนี้ให้หมดใจ...คาลัม ฮู๊ด)
Randomเรื่องราวของเด็กสาวเอเชียอายุ 19 ปี คนนึงที่ย้ายจากประเทศไทยไปอยู่ ณ ประเทศออสเตรเลียกับลุงกับป้าเพื่อจะได้ไม่เป็นภาระของพ่อแม่ที่ทำงานยุ่งตลอดทั้งปี โดยเธอเรียนจบปริญญาตรีแล้ว และเธอก็ไม่ได้อยู่นิ่งเฉย เธอตัดสินใจหางานทำ และงานที่เค้าได้โดยบังเอิญ...