ปฐมบท

1.2K 18 6
                                    

อันว่าโขนโลดแล่นร่ายรำเล่น คณาเป็นศิลปะเมืองสยาม

เรืองครรลองจรรโลงจิตทุกชั่วยาม ครั้นคร้ามขอประนมหัตถ์บูชาครู

บัดนั้น..

วายุบุตรชาญฉกรรจ์ขันอาสา
ร่ายแผลงฤทธิ์โจนลงสู่ดงปลา
ไล่มัจฉาเงือกน้ำปล้ำราวี

เครื่องทรงโขนระยิบระยับล้อแสงไฟในท้องพระโรงหลวง เพชรเลื่อมสะท้อนเป็นเงาคล้ายเกล็ดแก้วของนางเงือกสาวที่หลบหลีกอ้อมกอดชู้สาวของพญาวานรเผือก ร่ายรำเป็นจังหวะตามเสียงวงปี่พาทย์ชุดใหญ่

ท่วงท่ากิริยาของหนุมานชาญสมรพยายามเกี้ยวนางสุพรรมัจฉาให้โอนอ่อนไปกับการพาราสี ดูสวยงามและน่าขันกับความเหนียมอายผ่านภาษาท่าที่ถ่ายทอดผ่านร่างกาย เรียกพระสรวลของพระมหากษัตริย์ได้เป็นอย่างดี

เมื่อบทรำจบ นางสุพรรณมัจฉารำพึงรำพันถึงตัวทหารเอกขององค์รามว่าหาญกล้ายิ่งนัก พอดีกับที่หนุมานคว้าเอาตัวนางมาไว้ในอ้อมกอดได้

ตะโพนตีเป็นจังหวะเยื้องย่างครั้งสุดท้าย

บัดนั้น เชิด..

เพลงปี่พาทย์บรรเลงอีกครั้ง กับคู่พระนางร่ายรำคู่กันด้วยท่าทางเอียงอาย หลบเข้าหลังม่านพอดีที่เสียงสุดท้ายจบลง

โขนโรงใน

เด็กน้อยคนหนึ่งนั่งอยู่ที่ด้านหลังเวที เฝ้ามองทุกๆกิริยาอ่อนช้อยน่าหลงไหลของการแสดงโขนครั้งนี้ ดวงเนตรคู่สวยสุกสว่างอย่างมีความสุข รอยยิ้มอ่อนหวานประทับบนใบหน้างดงามเกินชายของหนูน้อย

ร่างในชุดของหนุมานเดินมาประชิดตัวเขา ประนมมือไหว้ทูนหัวและบรรจงถอดหัวโขนของพญาลิงออก ใบหน้าคมคายของชายกลางคนยิ้มให้กับเด็กน้อย และย่อตัวลงเดินเข่าเข้าไปวางหัวโขนลงบนแท่นวาง นั่งพับเพียบก้มลงกราบพ่อแก่เชพ่อครูอย่างนอบน้อม และกลับมาหาเขา

คนโขน (Zarry-Lirry Fan Fiction)[End]Where stories live. Discover now