อันว่าโขนโลดแล่นร่ายรำเล่น คณาเป็นศิลปะเมืองสยาม
เรืองครรลองจรรโลงจิตทุกชั่วยาม ครั้นคร้ามขอประนมหัตถ์บูชาครู
บัดนั้น..
วายุบุตรชาญฉกรรจ์ขันอาสา
ร่ายแผลงฤทธิ์โจนลงสู่ดงปลา
ไล่มัจฉาเงือกน้ำปล้ำราวีเครื่องทรงโขนระยิบระยับล้อแสงไฟในท้องพระโรงหลวง เพชรเลื่อมสะท้อนเป็นเงาคล้ายเกล็ดแก้วของนางเงือกสาวที่หลบหลีกอ้อมกอดชู้สาวของพญาวานรเผือก ร่ายรำเป็นจังหวะตามเสียงวงปี่พาทย์ชุดใหญ่
ท่วงท่ากิริยาของหนุมานชาญสมรพยายามเกี้ยวนางสุพรรมัจฉาให้โอนอ่อนไปกับการพาราสี ดูสวยงามและน่าขันกับความเหนียมอายผ่านภาษาท่าที่ถ่ายทอดผ่านร่างกาย เรียกพระสรวลของพระมหากษัตริย์ได้เป็นอย่างดี
เมื่อบทรำจบ นางสุพรรณมัจฉารำพึงรำพันถึงตัวทหารเอกขององค์รามว่าหาญกล้ายิ่งนัก พอดีกับที่หนุมานคว้าเอาตัวนางมาไว้ในอ้อมกอดได้
ตะโพนตีเป็นจังหวะเยื้องย่างครั้งสุดท้าย
บัดนั้น เชิด..
เพลงปี่พาทย์บรรเลงอีกครั้ง กับคู่พระนางร่ายรำคู่กันด้วยท่าทางเอียงอาย หลบเข้าหลังม่านพอดีที่เสียงสุดท้ายจบลง
โขนโรงใน
เด็กน้อยคนหนึ่งนั่งอยู่ที่ด้านหลังเวที เฝ้ามองทุกๆกิริยาอ่อนช้อยน่าหลงไหลของการแสดงโขนครั้งนี้ ดวงเนตรคู่สวยสุกสว่างอย่างมีความสุข รอยยิ้มอ่อนหวานประทับบนใบหน้างดงามเกินชายของหนูน้อย
ร่างในชุดของหนุมานเดินมาประชิดตัวเขา ประนมมือไหว้ทูนหัวและบรรจงถอดหัวโขนของพญาลิงออก ใบหน้าคมคายของชายกลางคนยิ้มให้กับเด็กน้อย และย่อตัวลงเดินเข่าเข้าไปวางหัวโขนลงบนแท่นวาง นั่งพับเพียบก้มลงกราบพ่อแก่เชพ่อครูอย่างนอบน้อม และกลับมาหาเขา
YOU ARE READING
คนโขน (Zarry-Lirry Fan Fiction)[End]
Fanfictionศิลปะไทยโบราณ ถูกกล่าวขานผ่านบทเพลง เห่กล่อมขับบรรเลง ร่ำร้องเล่นเป็นทำนอง หัวโขนที่สวมใส่ ทรงเครื่องไทยใส่ภูษา กวัดแกว่งตะบองท่า จีบขึ้นหน้าตั้งวงรำ จะกล่าวอ้างถึงตำนาน ที่กล่าวขานกันนานนับ พี่น้องเอยจงสดับ รับเรื่องราวที่รอคอย มิตรรักเป...