บทที่หก

283 7 3
                                    



อันว่าจิตยามคิดเพียงสิ่งเศร้า ฤาจะเคล้าน้ำตาแห่งโศกา

ราวนภาทั้งผืนถล่มมา ทาบทับให้ฤดีสูญสิ้นไป

แม้กรรณแสงเพียงใจจะเหลกสิ้น แม้ฤดีดุจดับดิ้นให้อาสัญ

จำต้องฝืนก้าวต่อเลี้ยงชีวัน ต้องอดกลั้นทนรับความร้าวราน




ยามเย็นย่ำ พร่ำค่ำมืด ณ ท้องพระโรงวังหลวงใหญ่แห่งองค์เหนือหัว


พระเหลือบชลาศัลในวารินทะเลวน

เห็นรูปอสุรกลกลายแกล้งเป็นสีดา

ผวาวิ่งระหวั่นจิตไม่ทันคิดก็โศกา

กอดแก้วขนิษฐาฤดีดิ้น



ครั้นเมื่อองค์รามแลเห็นนางอสูรเบญกายลวงล่อ แปลงกายเป็นรูปนางสีดา นอนนิ่งไม่ไหวติงบนแพไม้ลอยน้ำมา จึงตกใจระคนโศกโศกา วิ่งลุยน้ำไปนำร่างของนางที่รักเข้ามาที่ฝั่ง ท่ามกลางความตกใจของเหล่าทหารทั้งหลาย


ด้วยอารามโศกเสียใจ จึงกอดซบลงบนตัวของนางอย่างลืมตน เสียงปี่พาทย์กรีดลึกเยี่ยงคมมีด ครั้นพลันจบองค์ พระรามจึงเกิดนึกขึ้นได้ว่า ที่นางอันเป็นที่รักของเป็นเช่นนี้ เพราะอ้ายทหารเอกตัวดีหนุมาน



เอย ว่าไอ้ลูกพระพาย ใยเผาเมืองทศพักตร์แค้นเคืองจึงหักหาญ

ฆ่านางทิ้งน้ำทำประจาน โทษเจ้าจะประมาณตัดเศียรไป



ได้ยินดังนั้น วายุบุตรพลันก้มลงกราบกรานร้องขอชีวิต เป็นเหตุให้พระลักษณ์ต้องลุกขึ้นห้ามพระเชษฐาอย่าทำอะไรเกินเหตุเกินควร ขณะนั้นเอง ที่แม่ทัพหนุมานเกิดสงสัยขึ้นมา จึงทูลถามพระยารามด้วยเสียงอันฟังชัด บทเห่เอ่ยดังก้องทั่วท้องพระโรง

คนโขน (Zarry-Lirry Fan Fiction)[End]Tempat cerita menjadi hidup. Temukan sekarang