บทที่เจ็ด

244 7 5
                                    

ประทีปเทียนแห่งหวังต้องสายลม           ความขื่นขมพัดพามาไม่ขาด

ไหววูบริบหรี่ลงให้หวั่นหวาด                 ถึงความชั่วร้ายกาจที่ทุกข์ทน

น้ำเนตรจักหลั่งรินรดลงไหล                    วอนฟ้าให้ช่วยเราให้รอดพ้น

 ทุกขามากล้นเหลือแสนอับจน                 ฤาหาคนสดับฟังหามิมี




เอ็งมันโง่ เซน


โง่เง่า ไร้สมอง ไร้หัวคิด


โง่เง่า..



เสียงหรีดเรไรแว่วเบาในราตรีกาล จันทร์ดวงโตส่องสว่างผ่านฟ้าสีเข้มครึ้ม เพลานี้ ทุกคนคงหลับกันไปหมดแล้ว เหลือเพียงเขา ที่ยังคงลืมตาตื่น


ร่างกำยำสูงใหญ่ เอนอิงพิงไปกับผนังเรือนไม้ประจำตน ผิวแทนแดดดูซีดลงในแสงเดือน ดวงตาคมเหม่อมองออกไปยังแผ่นนภาด้านนอก ลมเย็นเยือกแผ่วเบาพัดพาเอาความหนาวเย็นมาถูกกายา แต่คงไม่หนาวเท่าใจเขาตอนนี้หรอก



เซนเฝ้าครุ่นคิดถึงเรื่องราวที่ได้ผันผ่านมา เรื่องราวที่เป็นดุจหินหนักถ่วงใจ


นับแต่วันนั้น

นับแต่เกิดเรื่อง

ดวงจิตเฝ้าคะนึงคิดแต่เพียงสิ่งเดียว



คือเขานั้นช่างโง่งมสิ้นดี



หวนคิดถึงร่างไร้วิญญาณของพ่อครู ที่บัดนี้กลายเป็นเพียงฝุ่นควันจากเชิงตะกอน

ไม่มีอีกแล้ว ท่านเจ้าคณะโขนผู้เก่งกาจ

ไม่มีอีกแล้ว คนที่อบรมสอนวิชามาให้ตนนานปี

คนโขน (Zarry-Lirry Fan Fiction)[End]Tempat cerita menjadi hidup. Temukan sekarang