เทรซ่าใช้เวลาเกือบครึ่งเช้าจ้องมองแผ่นหลังของเบรนดอน การตัดสินใจอย่างแน่วแน่ที่จะคุยกับเขามลายหายไปหมดสิ้นหลังจากที่เขาแทบไม่ได้มองหน้าเธอเลยด้วยซ้ำ เธอไม่เคยคิดเลยว่าการที่เขาไม่พูดหรือทำสีหน้าเคร่งเครียดตลอดเวลาจะทำให้เธอรู้สึกแย่ได้
ผ่านไปเพียงสี่วันตั้งแต่วันที่เดินทางออกจากกระท่อมของอาเธอร์ แต่เทรซ่ารู้สึกเหมือนเดินรอบโลกมาแล้วสี่รอบ ภายในวันนี้พวกเขาจะไปถึงทางเข้าค่าย ซึ่งอาเธอร์บอกว่าเราจะต้องหยุดที่นั่นสักพัก แต่เขาก็ใบ้ให้ฟังแค่นั้น
สำหรับเบรนดอนแล้ว การที่ไม่ได้เอ่ยปากพูดเป็นเวลานานๆนั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้แม้กระทั่งในสายตาของเขา โดยเฉพาะการไม่พูดกับใครสักคนเป็นเวลาสามวันเต็ม และที่สำคัญคือ เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไมถึงทำอย่างนั้น
หลังจากเสียเวลาหลายชั่วโมงไปกับการมองแผ่นหลังของเบรนดอนแล้ว เทรซ่าก็ตัดสินใจใช้โอกาศตอนที่พวกเขานั่งพักระหว่างทาง เดินไปหาเบรนดอน
"เฮ้" เธอเอ่ยทักขึ้นเบาๆด้วยน้ำเสียงที่พยายามทำให้ดูสดใส
เขาเงยหน้ามองเธอและยักคิ้ว "ว่าไง" เขาตอบ พยายามทำน้ำเสียงให้ห้วนนิดๆ ซึ่งค่อนข้างทำให้เขาพอใจเมื่อสีหน้าของเทรซ่าดูจ๋อยไป
"ขอนั่งด้วยได้มั้ย" เธอว่า พยักเพยิดไปทางรากต้นไม้
เขายักไหล่ "ได้สิ ถ้าน้ำหนักของเธอไม่ทำให้รากมันตาย"
'ให้ตายเถอะ เขานี่ปากร้ายชะมัด' เธอคิดแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรขณะที่นั่งลงข้างๆเขา พยายามรักษาระยะไม่ให้ใกล้เกินไป แต่แล้วเทรซ่าก็รู้สึกเหมือนกับมีอะไรอุดปากเธอไว้ คงเป็นสีหน้าของเบรนดอนที่เห็นได้ชัดว่า เขาค่อนข้างโมโห
"เธอมีอะไรรึเปล่า" เขาพูดออกมาในที่สุด
เทรซ่าพยายามปล่อยอะไรบางอย่างให้หลุดออกจากปากจนได้ "ฉันจะไม่อ้อมค้อมละนะ--"
YOU ARE READING
Tresa Kingsley
Science Fictionเมื่อ เทรซ่า คิงสลีย์ ต้องเปลี่ยนแปลงชีวิตอันเรียบง่าย แต่ทุกข์ทนของเธอ มาเผชิญหน้ากับภัยและปรากฏการณ์อันตรายที่น่ากลัวยิ่งกว่าวันโลกแตก เทรซ่าและเพื่อนๆของเธอต้องปกป้องผู้คนมากมาย รวมถึง...โลกทั้งใบ