Day 11

307 4 5
                                    


"วิ่งไปสิ วิ่งไปยังไงนายก็หนีฉันไม่พ้น"


เสียงหัวเราะน่าสะอิดสะเอียนและเสียงเย็นเยียบที่ร้องบอก ทำให้เค้าต้องพยายามเร่งฝีเท้าเพื่อหาทางออกจากสถานที่แห่งนี้มือเรียวปะป่ายไปตามข้างฝาผนังที่เค้าพอจะสามารถสัมผัสได้ ขาเล็ก ๆ ก็พยายามเร่งก้างอย่างมั่นคงแต่เค้าไม่รู้เลยที่แห่งนี้คือไหนและทางไหนจะเป็นทางออกไปสู่อิสรภาพ มีเพียงความมืดที่อยู่รอบตัวเค้าเท่านั้น เค้าไม่เคยกลัวความมืดที่เค้าอยู่กับมันมาตั้งแต่เกิดแต่นี้เป็นครั้งแรกที่เค้ารู้สึกอย่างมองเห็นแสงสว่างและทางออก


.

.

.

.

.

.


มาร์ค แมคเคนน่า ชายร่างเล็กใบหน้าจิ้มลิ้มน่ารัก ผิวขาวใสดังหิมะแรกของฤดูหนาว จมูกโด่งเชิดรั้นที่เหมือนเด็กดื้อ ริมฝีปากได้รูปสีสดราบกับกุหลาบที่มีรอยยิ้มที่สดใสราวกับแสงอาทิตย์ให้ผู้คนที่พบเห็นและที่ส่งเสียงทักทายเค้า แม้ตลอดเวลาที่ผ่านมาผู้คนจะบอกว่าเค้าน่าตารักแค่ไหนแต่มันก็ช่างโชคร้ายที่พระเจ้าไม่ได้ประทานพรข้อที่ทำให้เค้าสามารถมองเห็นสรรพสิ่งสวยงามต่าง ๆ บนโลกได้


..เค้าตาบอดตั้งแต่เกิด..


ทั้งพ่อและแม่เค้าไม่มีใครหรือฝั่งใดเป็นผู้พิการทางด้านใดสักคน แม่เล่าให้ฟังว่าเค้าเกิดมาพร้อมดวงตาที่สดใสเป็นประกายที่สุดเท่าที่แม่เคยพบจากเด็กคนใดในโลก พวกเค้าทั้งคู่ชื่นใจที่มีลูกชายเกิดมาครบ 32 ประการ แต่ใครเล่าจะคาดคิดว่าดวงตาสดใสคู่นั้นไม่เคยมองเห็นสิ่งใดเลยตั้งแต่ออกมาสัมผัสโลกว้าง แม่กับพ่อเริ่มสังเกตว่าเค้าผิดปกติเมื่อเค้าเข้าเดือนที่ 3 ของอายุบนโลก ตาเค้าไม่มองตามของเล่นที่พ่อแขวนไว้ในแปล ในวันที่รู้แม่และพ่อแทบใจสลาย พวกเขาถามหมอว่าสามารถนำดวงของพวกเขาเปลี่ยนแทนให้กับลูกชายคนเดียวเพื่อให้เด็กน้อยได้มองเห็นโลกหรือไม่ .. แต่หมอก็ไม่สามารถทำสิ่งที่ครอบครัวแมคเคนน่าต้องการได้ เพราะเหตุนั้นพ่อและแม่ถึงทุ่มเทความรักให้เค้าอย่างเต็มที่ เค้าเองก็ไม่เคยน้อยเนื้อต่ำใจถึงความพิการของตัวเอง พระเจ้าคงมีเหตุผลบางอย่างที่ประสงค์ให้เค้าเป็นแบบนี้

[Sing street] Project : 30 Days 30 NCWhere stories live. Discover now