"ความรักที่มั่นคงไม่เปลี่ยนแปลงและจะไม่ลืมเลือน"=21=
คฤหาสถ์หลังใหญ่ ที่ผมมีความทรงจำกับมันไม่ดีนัก มันเป็นความทรงจำค่อนข้างแย่ และไม่อยากนึกถึง ความทรงจำที่ก่อนที่จะเกิดอุบัติเหตุ บ้านใหญ่ของตระกูลเกียรติกุล ยังคงมีความน่าเกรงขาม ยังคงเต็มไปด้วยเหล่าบอร์ดีการ์ดเหมือนกับที่ครั้งแรกที่ผมได้มาเหยียบที่นี่ไม่มีผิด แตกต่างกันตรงที่ตอนนี้ มือของผม มีมือของใครอีกคนกระชับอยู่ มือของเราทั้งคู่สอดประสาน และคงไม่มีวันที่ผมจะกลัวอะไรอีก
ทุกย่างก้าวที่ได้ก้าวเดินออกจากความกลัวนั้นยังคงมีความกังวล แต่แรงบีบนั้นเหมือนกับกำลังเปล่งเสียง "ไม่เป็นไร" ออกมาให้ได้ยิน ถึงแม้จะไม่มีคำพูดใดก็ตาม
"ตาซี" เสียงเรียกระคนความดีใจ ลอดออกมาให้ได้ยินทันที ที่คุณซีก้าวผ่านธรณีประตู แต่สีหน้าของคุณหญิงเพชรสินีก็เรียบตึงอีกครั้ง เมื่อเห็นหน้าผม สองขาของหญิงวัยกลางคน หยุดชะงักลงดื้อ ๆ ทั้งที่จริงๆ แล้ว จากเหตุการ์ณตรงหน้า ท่านคงกำลังอยากจะวิ่งมากอดลูกชายคนเดียว ที่มีทั้งความรัก ความหวังของท่านอยู่เต็มเปี่ยม และสาเหตุของการผิดหวัง เสียใจ ที่มีปรากฎต่อดวงตาคู่นั้น ผมก็ปฎิเสธไม่ได้ว่าผมเองก็มีส่วน
คุณซีโอบไหล่ผมไว้ เดินผ่านคุณหญิง ด้วยสีหน้าที่ผมอ่านไม่ออก เขาไม่มีคำพูด และมีแค่รอยยิ้มเล็ก ๆ บนใบหน้านั้น ส่งมาให้ ผมนั่งลงตรงที่โซฟาตัวเดิม ชุดเดิม ที่ผมเคยเห็นภาพของผู้ชายหน้าตาน่ารัก กับผมสีเทาควันบุหรี่ ภาพนั้นซ้อนทับเอาจนปวดหัวใจ ถึงแม้ว่าผมจะไม่คิดเรื่องนั้นแล้ว แต่พอได้คิดหัวใจก็เจ็บไปหมด
คุณซีเดินตรงไปที่คุณหญิง ที่ดูเหมือนภาพตรงหน้าที่คุณซีโอบไหล่ผม จะยังทำให้เธอตะลึงจนก้าวขาไม่ออก เขากอดคุณหญิงจากทางด้านหลัง คางเกยไว้บนไหล่ของคนเป็นแม่ ภาพที่เห็นมันทำให้ผมน้ำตาลื้นออกมา อย่างที่ไม่ได้ตั้งใจ ความรู้สึกผิดแล่นลิ่ว มือของผู้หญิงวัยกลางคนเอื้อมมาขยุ้มกลุ่มผมสีดำโดยที่ไม่พลิกตัวกลับมา ไหล่ที่สั่นสะท้าน ทำให้ผมรู้ว่าคนเก่ง อย่างคุณหญิง เพชรสินีกำลังร้องไห้
ผมไม่เคยนึกโกรธ เรื่องที่ท่านห่วงลูกชายจนเผลอทำร้าย ลูกใคร ใครก็รัก คิดในแง่ของผู้หญิงคนนึง คนที่ถูกสามีที่อยู่ด้วยกันมาจนมีลูกเต้า โตจนเป็นหนุ่มเป็นสาว กลับถูกพูดใส่หน้าปาวๆ ว่าไม่เคยรัก แต่งกันเพราะความจำเป็น แล้วแถมยังถูกหักหน้าด้วยการบอกรักผู้หญิงอื่นมากกว่า หน้าตาทางสังคมค้ำคอเกินกว่าจะร้องไห้ฟูมฟาย ทั้งๆ ที่ในใจเสียใจ หัวใจแหลกสลายแทบไม่เหลือชิ้นดี ความหวังเดียว กลับถูกทำลายในเรื่องที่คนในสังคมยังไม่ยอมรับ ลูกชายรักผู้ชาย ความสูญเสียที่มีอาจจะเกิดขึ้นอีกครั้งกับหัวใจ ผมยังนึกไม่ออก ถ้าตัวเองเป็นคุณหญิง ผมจะทำแบบนั้น หรือมากกว่าที่เธอเคยทำไหม
ภาพสองคนแม่ลูกกอดกัน ยิ่งทำให้ผมรู้สึกเศร้า ตัวเองเป็นหนึ่งในตัวการที่แสนจะเจ็บปวดของผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่แบกรับภาระ อยู่บนคอ น้ำหนักของคำว่าอคติ ทิฎฐิ ศักดิ์ศรี และหน้าตาทางสังคม ทำให้ความสุขแค่เพียงเล็กๆ น้อยๆ และความเข้าใจ ถูกบดบังจนสนิท ไม่เหลือแม้แต่ความรักที่มีให้แต่ลูกมากมายแต่กลับแสดงออกมาในแง่ที่ทำให้คิดว่าไม่รักกันเลยสักนิด
ยิ่งลูกชายหัวแก้วหัวแหวน กลับยินดีปรีดาญาติดีกับคนที่ทำให้เจ็บช้ำยิ่งโกรธยิ่งเกลียด ถึงลูกสาวจะไม่ได้ออกหน้ามากนัก แต่ก็ไม่ได้มีท่าทีรังเกียจรังงอนฝ่ายนั้น ให้คุณหญิงเพชรสินีรู้สึกว่านี้แหละพวกของตัว ได้อย่างเต็มอกซะทีไหน ยิ่งท่าทางเป็นกลางของคุณเอ ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดยิ่งชัดเท่าไร คุณหญิงก็รู้สึกเหมือนตัวคนเดียว เพราะฉนั้นการที่จะทำทุกวิถีทางเพื่อไม่ให้หัวเดียวกระเทียมลีบ ร้ายแค่ไหนก็ต้องทำ
แก้วน้ำชาถูกวางลงที่เดิมเหมือนกับภาพซ้อนทับ นั่งไทม์แมชชีนกลับมาอย่างไรอย่างนั้น คนรับใช้ในบ้านยังคงมองด้วยสายตาเหยียดอยู่นิดหน่อย ก่อนจะวางแก้วลงอย่างสุภาพและเดินจากไป คุณหญิงถูกประคองด้วยลูกชายลงนั่งฝั่งตรงข้ามที่เธอเคยนั่ง ผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กสีขาวสะอาดถูกหยิบยื่นด้วยลูกชายคนเดียว เธอซับน้ำตาพร้อมทั้งรอยยิ้มให้ลูกชายที่นั่งข้าง ๆ อยู่ไม่ห่าง
"มี๊ครับ นี่คือคนรักของผม" เป็นการแนะนำตัวอย่างเป็นทางการที่แสนเจ็บปวด มือที่เคยเช็ดน้ำตาอย่างอ่อนโยน กลับกำผ้าเช็ดหน้าที่เมื่อกี้ถะนุถนอมเสมือนของล้ำค่ากว่าสิ่งใดในโลก จนยับย่นไม่เหลือชิ้นดี
"แกจะทำแบบนี้กับฉันไม่ได้" น้ำเสียงสั่นเครือกระแทกน้ำหนักเสียงทีละคำ ทำให้ผมไม่กล้าสบสายตา
ก่อนหน้านี้ที่ผมตัดสินใจกลับมากับคุณซี เพียงแค่เราต้องการจะไปหาคุณบีด้วยกัน เพราะผมอยากขอโทษ ความรู้สึกจิตใต้สำนึกว่าผมแย่งคนรักของคุณบีมา ยังคงวนเวียนไม่ห่าง ถึงแม้จะตกใจนิดหน่อย หวั่นใจเล็กน้อย เมื่อคุณซีเลี้ยวเข้าเขตรั้วคฤหาสถ์ แต่นี่ก็ไม่ใช้สิ่งที่ผมผิดคาดนัก แต่ที่ไม่กล้าสบตา เพราะดวงตาคู่นั้น มันช่างเศร้าสลด เจ็บปวด ราวกับโดนทำร้ายอย่างจัง แทบจะไม่เหลือชิ้นดี
"ผมจริงจังกับยุ ผมอยากให้เขาเป็นอนาคตของผม"
"ฉันมองเห็นอนาคตที่มืดมนของแกแล้ว" น้ำเสียงถึงแม้จะอ่อนลงแต่ก็ไม่ลดความขุ่นเคืองลงสักนิด
"มี๊ครับ"
"ฉันไม่ยอม ยังไงฉันก็ไม่มีทางให้แกกลายเป็นพวกผิดเพศสกปรก" คุณหญิง ลุกขึ้นยืนตะเบงเสียงตะโกนลั่น สองมือกำกันแน่นด้วยความโกรธ เส้นเลือดปูดโปนเหมือนจะทะลุ หน้าตาแดงก่ำ น้ำตาไหลนองสองแก้ม
"ผมไม่ได้ให้มี๊ยอมรับพายุ ผมแค่พา พายุมาแนะนำให้รู้จัก ซึ่งนั้นหมายถึงพายุต้องเคารพมี๊ในฐานะแม่ของผม และมี๊ก็ต้องรับรู้ว่าลูกของมี๊มีคนรักแล้ว แค่นั้น ที่ผมต้องการ"
"ฉันไม่รับรู้อะไรทั้งนั้น ไม่เด็ดขาด แกเตรียมตัวเข้าพิธีหมั่นแต่งงาน เป็นหลักเป็นฐานได้เลย ยังไงซะฉันก็จะให้แกแต่งกับลูกคุณหญิงคนใดคนหนึ่งอยู่ดี"
"มี๊ต้องการให้ผมมีชีวิตแบบพ่อ และทำกับลูกคุณหญิงพวกนั้นเหมือนที่พ่อทำกับมี๊หรือครับ ต้องการแบบนั้นใช่ไหม"
"ตาซี!!!"
สองสายตาแม่ลูกจ้องกันเขม็ง คนเป็นแม่เข่าอ่อนทรุดลงนั้ง น้ำตาไหลอาบสองแก้ม ผมอยากจะเอื้อมมือไปบีบแขนของทั้งคุณซีและคุณหญิงให้ทั้งคู่คลายมือที่กำแน่นออกจากมือของตัวเองเสียที ความโกรธที่ทั้งสองคนกำลังสาดใส่กันไม่ได้ทำอะไรให้มันดีขึ้นสักนิด
"แกกล้าเอาเรื่องนี้มาพูดเหรอ แกก็รู้ว่าฉันเจ็บกับเรื่องนี้มากแค่ไหนแกก็ยังขุดเอาขึ้นมาพูด ใช่สิ ก็พ่อแกมันดี อีนั้นมันก็ดีใช่ไหม แกถึงพะเน้าพะนอมัน แล้วก็รับเรื่องบ้าๆ สกปรกของแกกับเด็กบ้านั้นได้ใช่ไหม แกถึงเรียกมันคุณทุกคำ" เสียงสะอึกสะอื้น ทำให้ผมใจเสีย สิ่งที่คิดว่าผู้หญิงคนนี้น่าสงสารภาพตรงหน้ายิ่งตอกย้ำมากขึ้น
"พ่อแกไม่ผิด ไม่ผิดเลยที่ไม่ได้รักฉัน เรื่องความรักมันห้ามกันไม่ได้แกคิดแบบนั้นใช่ไหม แต่แกรู้อะไรไหมซี ฉันรักเขา รักเขาจนหมดใจ รักตั้งแต่ก่อนที่จะรู้ว่าต้องแต่งงานกับเขา"
"พี่เกียรติ คือผู้ชายใจดี เขาน่ารัก เขาดูแลฉัน ที่เป็นแค่ลูกเศรษฐีใหม่ ที่ในสังคมไม่ได้ยอมรับมากนัก น้องพิชชี่ ทุกครั้งที่เสียงทุ้มๆ นั้นเรียกฉันทำให้ฉันใจสั่น หัวใจของฉันลิงโลดพอรู้ว่าจะได้แต่งงานกัน เพียงแค่เพราะฐานะทางบ้านฉันจะช่วยเกียรติกุลได้ พี่เกียรติของฉันก็เลยกลายเป็นคุณเกียรติ ไม่มีแววตาของพี่ชาย และไม่มีทางที่เขาจะรักฉัน"
"ฉันรู้ตอนนั้นแหละ ว่าสิ่งที่เขาทำกับฉัน ห่วงใยใส่ใจทุกอย่างฉันคิดไปแค่คนเดียว มันยุติธรรมไหม ฉันอดกลั้น ถึงแม้จะรู้เรื่องยัยบ้านั้น แต่ก็ยอมขอแค่เรายังเป็นครอบครัว ฉันยอมเป็นหัวโขนยิ้มให้กับเรื่องทุกอย่างที่ถูกนินทา แต่พ่อแกก็ทำมันพังหมด โดยการประกาศหย่า และรับมันเป็นเมียพร้อมกับเด็กหัวขนในท้องนั้นอีก แล้วแก แกก็ยังจะไปจากฉัน ไปรักกับไอ้เด็กกำพร้านั้น ทั้งๆ ที่มันกินเงินมูลนิธิของฉันแท้ๆ มันยังกล้า แค่สะเอ่อะมาเป็นเพื่อนกับแกฉันก็เตือนหลายครั้งแล้ว มันยังกล้ากล้าก้าวข้ามความรู้สึกบ้าๆ นั้น ทั้งๆ ที่มันสัญญาแล้ว มันสมควรแล้ว สมควรที่มันต้องตายแล้ว"
"มี๊" น้ำเสียงของคุณซีดูอ่อนใจ
ผมลุกจากที่นั่งของตัวเอง เดินเข้าไปหาคนที่นั่งสะอึกสะอื้นร้องไห้ปานจะขาดใจ คุกเข่าอยู่แทบเท้า คนที่รังเกียจผมเหมือนกับใช้ลมหายใจร่วมกันไม่ได้ กลับไม่ถอยหนี นั่นก็ทำให้ผมใจชื้นขึ้นมาหน่อย ผมจับมือ และคุณหญิงก็ไม่ชักมือกลับนั่นก็เป็นเรื่องที่ดี
"คุณหญิงครับ" เธอไม่ตอบได้แต่กลืนน้ำลาย กัดฟันข่มความโกรธที่มี
"ผมไม่แย่งคุณซีไปจากคุณหญิงครับ ผมไม่เอาเขามาสกปรกกับผมแบบที่คุณหญิงคิด และผมจะไม่ทำให้คุณซีหรือตระกูลของเกียรติกุลแปดเปื้อน" ผมไม่ได้ประชด ผมคิดแบบนั้นจริงๆ
"ผมจะยอมไม่มีตัวตนเป็นอากาศธาตุ ไม่ให้คุณหญิงรำคาญตาอีก แต่ผมขออย่างนึงได้ไหมครับ"
"....."
"เลิกร้องไห้" ผมค่อยๆ แกะมือที่กำกันแน่น ดึงผ้าเช็ดหน้าผืนเล็ก และเช็ดลงไปที่ใบหน้าสวยที่ตอนนี้ นองไปด้วยน้ำตา แต่คุณหญิงก็ยังสวยงามด้วยความรักของคนเป็นแม่
"แล้วมีความสุขได้ไหมครับ เลิกทิฎฐิ อคติ และเลิกสนใจคำนินทา คำพูดของคนอื่น คุณหญิงไม่ได้เป็นแบบที่พวกเขาพูด คุณหญิงคือคนที่ทำให้ทุกคนมีความสุขโดยแบกรับความทุกข์ไว้คนเดียว คุณหญิงเก็บคำพูดพวกนั้นเอามาวางบนบ่าจนเจ็บไปหมดแล้ว ปล่อยมันได้ไหมครับ แล้วผมจะหายไปเลย"
ผมยิ้มให้กับคุณหญิง ที่เบ้ปากกระเหง้ากระงอด เหมือนเด็ก น้ำตายังไหลเผาะๆ หันไปเห็นคุณซีก็ขมวดคิ้วฉับ แถมส่ายหัวให้กับความคิดโง่ๆ ของผม
ผมไม่ได้จะเลิกรักคุณซี ผมไม่ได้จะเลิกกับเขา เพียงแต่ ความสุขเล็กน้อย ที่คุณหญิงจะได้รับเพียงแค่ผมหายไปจากสายตาจากความคิด แลกกับความทรมานที่เธอต้องแบกรับมาตั้งแต่แต่งงานผมว่ามันคุ้ม ถึงมันจะดูน้ำเน่าไปหน่อย แต่ผมเชื่อว่าเวลาคงจะช่วยบรรเทาให้พวกเราเจ็บปวดกับความรักน้อยลง ทรมานกับการไม่รักน้อยลง และยิ้มรับให้กับความโดดเดี่ยวมากขึ้น ทุกอย่างจะต้องดีและเป็นไปในทางที่ถูกวางไว้แล้ว
The Love
กลิ่นไอทะเล หญ้าเขียวๆ กลิ่นดินหลังจากฝนตกใหม่ๆ ที่ปลายฟ้ามีรุ้งให้เห็นอยู่เล็ก ๆ นี่คือบรรยากาศของความสุข ที่ผมสัมผัสได้เต็มหัวใจ หลังจากฝนหยุดตก เราออกจากโรงแรมในตัวเมืองทันที พอมาถึง ความชื้นในผืนดินก็คลายลงไปมาก แต่อากาศกำลังสบาย ดอกแคสเปียในมือ ถูกวางลงที่หน้าแผ่นศิลาหินอ่อน รอยยิ้มที่ปรากฎแก่ใบหน้าของคนวางดอกไม้ ทำให้ผมยิ้มออกมา
"บีกูรักมึง มึงรู้ใช่ไหม" คำพูดเบาหวิวลอยมาให้ได้ยิน ผมยิ้มรับคำนั้นได้เต็มหัวใจ อดีตของคุณซี มันน่าชื่นชม ความรักสวยงามเสมอ
"ขอบคุณนะครับคุณบีและก็ขอโทษด้วย" ผมขอบคุณที่ทำให้คุณซีกับผมได้เจอกัน และขอโทษที่รู้สึกยินดีกับการจากไป ผมเห็นแก่ตัวครับ ผมยอมรับ ถ้าคุณบียังยืนอยู่ตรงนี้ ผมคงไม่ได้เจอความรักของตัวเอง แต่คุณบีและคุณซีคงเป็นคนรัก ที่น่าอิจฉาที่สุดในโลก
ใบไม้ไหวลมพัดผ่านเหมือนกับว่าคุณบียอมรับในคำพูดของผม และรับรู้ในความรักของคุณซีเช่นกัน คุณซีถอยออกมาจับมือของผมไว้แน่น ก่อนที่เราจะสบตากัน
คุณซีหย่อนตัวนั่งลงข้างๆ ศิลานั้น และบอกกับผมว่า เขามักจะทำแบบนี้ เวลาไม่สบายใจ เคยมาปรับทุกข์กับคุณบีหลายหน จนไม่รู้ว่าคนข้างในเบื่อฟังไปแล้วหรือเปล่า คุณซีกำลังดื่มน้ำ และมีแซนวิชอันเล็กที่ผมทำใส่กล่องมากินด้วยกัน เรากำลังปิคนิคกันสามคน และเรากำลังมีความสุข
หลังจากวันนั้น แพลนที่วางไว้ว่าจะไปหาคุณบีก็เป็นอันต้องพับเก็บ คุณหญิงงอแงเหมือนเด็ก และแน่นอนผมโดนคุณซีเทศน์ยาว
"ยังไงก็ไม่เลิก พูดอะไรไม่เคยคิดถึงใจฉันเลย" นั้นเป็นคำพูดแรกที่ตะวาดใส่หน้าผมหลังจากที่กล่อมให้คุณหญิงเข้านอน ครับ เราอยู่ที่นั้นกันทั้งวัน จนค่ำมืด และนอนค้างที่นั้นด้วย
"ผมไม่ได้บอกสักนิดว่าจะเลิกกัน"
"แต่พูดแบบนั้น ก็เหมือนเลิกไหมหละ"
"คุณซีแลกความสุขเล็กๆน้อย ๆ เพื่อความสุขของคุณหญิงไม่ได้หรอครับ"
"ความสุขของฉันคือการมีนาย"
"ความสุขของผมคือเห็นคุณมีความสุข และคนรอบข้างคุณมีความสุขด้วย"
"......" เด็กซนไม่ยอมตอบ ขณะที่กำลังนอนหนุนตักผมอยู่ในห้องนอนของตัวเอง
"เรารักกันใช่ไหม" คนนอนเล่นหลับตาพริ้มพลางพนักหน้ารับ
"ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหน ผมก็รักคุณอยู่ดี คุณซี และผมรู้ว่าไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหน คุณก็จะรักผมเหมือนกัน เพราะเรารักกัน"
นั่นคือคำพูดที่ดูจริงจังที่สุดสำหรับเราทั้งคู่
ผมยังอยู่ที่ไร่ ผมยังคงดูแลสวนดอกไม้ของผม และทำให้มันเติบโต คุณซียังคงเป็น ศิริวัฒน์ เกียรติกุล ที่ต้องดูแลบริษัทในเครือ และออกงานสังคมไปกับคุณหญิงควบคู่กัน เวลาผ่านไป พวกเราโตขึ้น ดูแลตัวเองมากขึ้น และรักกันมากขึ้น แฟนเด็กอายุ 29 ของผม เป็นผู้ใหญ่จนผมตามเขาไม่ทัน เราจะเจอกันทุกครั้งที่คุณซีว่าง และทุกวันที่คุณบีจากไปของทุก ๆ ปี อย่างเช่นวันนี้
ความรักของเราเติบโต มองมุมกว้างขึ้น รักคนอื่นมากขึ้น ผมไม่หวังให้อะไรมันดีกว่านี้ มีความสุขมากกว่านี้ เพราะที่มีตอนนี้ผมก็รู้สึกโชคดีมากแล้ว จะมีใครสักกี่คนที่ได้รับความรู้สึกนี้กัน
คุณหญิงไม่ได้สะบัดปัดปึงยามที่เจอหน้ากัน แค่รับไหว้ แล้วหายไปจากวงสนทนา ซึ่งผมเห็นว่าเป็นเรื่องดี ที่เธอไม่สั่งให้ใครลากผมออกไป ผมไม่ได้หวังให้เธอยอมรับโอบกอดผมเหมือนกับลูกชายอีกคน นั้นมันคงเป็นไปได้ยาก
พ่อไม่ได้บอกว่าคุณซีคือลูกเขย เพราะแบบนั้นจะเป็นการยอมรับว่าผมกลายเป็นผู้หญิง ที่การที่พ่อชอบบังคับให้คุณซีกินของเผ็ดทั้งๆ ที่รู้ว่าคุณซีกินไม่ได้ แล้วหัวเราะชอบใจเวลาที่คุณซีเรียกหาน้ำนันก็ถือว่าเป็นเรื่องดีของผม มันเป็นความสุขเล็กๆน้อยๆ ของพ่อ
คุณเอ ไม่ได้ตกลงปลงใจกับหมอธรรมวุฒิ แต่เหตุการณ์ที่คุณหมอโดนกาแฟเย็นสาดหน้า เพราะรับมันมาจากพยาบาลที่เข้าบรรจุใหม่ โกรธเป็นฟื้นเป็นไฟอยู่หลายวันนั้นก็ถือว่าเป็นเรื่องดีเหมือนกัน ถึงจะโดนกาแฟสาด แต่หมอธรรมวุฒิก็ยิ้มแก้มแทบแตกอยู่ทั้งวัน
เจ้เจน วัลลภ บอส ยังคงทำงานที่เค ดีเวลฯ และพวกเรายังติดต่อกันอยู่ ซึ่งแน่นอนว่าผมไม่ได้ติดต่อกับบอสโดยตรงแต่ก็ได้ฟังคำบอกเล่าจากเจ้อยู่ไม่น้อย ทุกครั้งที่ผมแวะเข้ากรุงเทพฯไปค้างที่คอนโดหรือค้างที่บ้านใหญ่เราจะนัดสังสรรค์กันเฉพาะกิจอยู่เสมอ ถึงแม้จะถูกงอนว่าถูกแย่งเวลาจากเด็กซน แต่มันก็ไม่ได้จริงจังอะไรนัก
น้องปอม มีน้องสาวแล้ว นั้นทำให้พี่พายุถูกหลงลืมไปซะสนิท พักร้อนของคุณซีปีนี้เราคงไปบินไปเยี่ยมเจ้าตัวเล็ก ได้เห็นแต่รูปถ่าย แก้มยุ้ยๆ นั้นน่าหยิกซะไม่มี
"ตัวเปี๊ยก"
"หืม"
"ไม่กลับมาอยุ่ด้วยกันหรอ ฉันคิดถึงนายนะ"
"กล้าพูดแบบนี้ ต่อหน้าคุณบีหรอครับ" เด็กซนเจ้าเล่ห์ ล้มตัวลงนอนบนพื้นหญ้า ใกล้กับแท่นศิลาหินอ่อน
"ไอ้บี๋มันรุ้หรอก กลับมาอยู่ด้วยกันนะ อย่าทรมานกันนักเลย"
"แล้วไร่ผมล่ะ"
"นานๆ กลับไปดูทีก็ได้นี่น่า" ผมเกลี่ยปอยผมของคุณซีที่ตอนนี้เริ่มยาวแล้ว "จะพากลับทุกอาทิตย์เลยก็ได้เอ้า"
"แล้วคุณหญิงล่ะครับ กลับไปนอนบ้านบ้าง ถ้าผมกลับมาอยู่ที่คอนโด คุณซีจะกลับไปนอนบ้านไหม"
"ฉันคิดถึงนาย" น้ำเสียงงอแงแสดงความเป็นเด็กเต็มที่
"ผมก็คิดถึงคุณ แต่ตอนนี้คุณไม่มีความสุขหรอ"
"มีสิ"
"ผมก็มีครับ มีมากด้วย"
คุณซีหยัดตัวลุกขึ้น มือใหญ่ลูบแก้มผม นิ้วโป้งนั้นเกลี่ยแก้ม ด้วยความเอ็นดู ขนตายาวๆ ของคุณซีเข้ามาใกล้ทุกที ริมฝีปากหนา ที่เมื้อกี้ยังกระเหง้ากระงอดงอแง ใกล้เข้ามา ประทับรอยจูบลงอย่างแผ่วเบาแล้วผละออก
"ฉันรักนาย พายุ"
"ผมรักคุณซีนะ" เราสบตากัน และรอยจูบนั้นก็ดึงดูดกันอีกครั้ง สองมือ คุณซีประคองใบหน้าให้อยู่ในทิศทางที่เหมาะสม และผมไม่คิดที่จะขยับหนี ลิ้นร้อนถูกส่งเข้ามาทำให้ใจวาบหวิว จูบกันจนนับครั้งไม่ได้ แต่ทุกครั้งก็ยังตื่นเต้น หัวใจสั่นไหว เหมือนเป็นจูบแรกอยู่เสมอ
ดอกแคสเปียถูกวางไปบนแท่นศิลา พลิ้วไหวตามสายลมที่พัดผ่าน
ความรักที่มั่นคงไม่เปลี่ยนแปลงและจะไม่ลืมเลือน
เราจูบกันและผละออก และจูบกันอีกครั้ง
เรารักกัน และคงรักตลอดไป
ข้างหน้าไม่ว่าจะเกิดอะไร หนทางต่อจากนี้จะมีอุปสรรคหรือยากลำบากแค่ไหน แต่เราจะจับมือกัน มีความสุข และมีความทุกข์ ไปด้วยกันเสมอ
The End.
เดินทางกันมาจนถึงตอนจบ ขอบคุณนะคะ นี่เกินความคาดหวังที่ตั้งเอาไว้มากเลย สำหรับเรื่องแรก ดีใจและก็เป็นแรงฮึด ให้ฝึกฝีมือต่อไปเรื่อยๆ ถึงแม้จะรู้สึกท้อไปบ้างแต่ก็ทำให้ยิ้มและกลับมาเขียนอีกครั้ง เพราะทุกคอมเม้นท์และทุกเฟบเลยค่ะ
ยังคงค้างฟิคไว้อีกเรื่อง คุณซีจบแล้ว จะมาต่อ chamant แน่นอนค่ะ ตอนนั้นคิดว่าจะแต่งสองเรื่องพร้อมกันได้ แต่เอาเข้าจริงก็ไม่ได้ค่ะ 555 ได้ทีละเรื่องจริงๆ
จริงๆ มีที่สต๊อกเขียนขาดๆ เกินๆ ไว้หลายเรื่องแต่ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไปเนาะ
ไม่รู้ว่าตอนจบจะถูกใจหรือเปล่า ที่เขียนไม่ให้คุณซีกับพายุกลับไปอยู่ด้วยกัน เพราะในความเป็นจริงบางทีทุกอย่างก็ไม่แฮปปี้เอนดิ้ง เสมอไปค่ะ แต่เขาก็ยังรักกัน ถ้ารักกันแล้วไม่จำเป็นต้องอยู่ด้วยกันตลอดหรอกจริงไหม ทุกคนมีหน้าที่ที่ต้องดำเนินชีวิตในแบบที่เป็นค่ะ
อาจจะไม่เหมือนเรื่องอื่นๆ ที่ทุกอย่างดูง่ายไปหมด ไม่รู้ว่ามองโลกในแง่ร้ายไหม แต่เชื่อว่า คนไม่ชอบกัน การเปิดใจให้รับเข้ามาและรักเหมือนไม่เคยเกลียดกันมาก่อนเลยคงเป็นไปได้ยาก พ่อของพายุไม่ได้ยอมรับการเป็นเกย์ของพายุนะคะ แต่เขาก็ไม่ได้ขัดขวาง แต่ถ้าใครมาถามว่า ลูกเป็นเกย์หรอ ไอ้หนุ่มกรุงเทพนั้นเป็นแฟนลุกชายหรอ แกคงไม่ตอบว่าใช่แน่นอน แม่ของซีก็เหมือนกันค่ะ
เพราะฉนั้นเรารักกัน ไม่ได้รักกันแค่สองคนค่ะ ต้องยอมรับว่าองค์ประกอบอื่นๆก็มีผล
ขอบคุณที่ติดตามกันมาถึงตอนนี้นะคะ และอย่าเพิ่งทิ้งกันไปไหน ตามเรื่องอื่นๆ ด้วยน้าาาาาาา ^^
นี่เป็นทอล์คที่ยาวที่สุดแล้ว ตั้งแต่เปิดบทความ อย่าเพิ่งเบื่อ อิอิ
แล้วเจอกันใหม่ค่ะ
ขอบคุณนักอ่านทุกท่านค่ะ
**ความหมายของดอกแคสเปีย ขอบคุณข้อมูล twitter@ILA_flower
ความรักที่มั่นคงไม่เปลี่ยนแปลงและจะไม่ลืมเลือน**
Pradoza
YOU ARE READING
The Love อย่ามาใกล้ถ้าไม่ได้รัก
Romance"ทำไมผมต้องย้ายมาอยู่กับเขา ผมไม่ได้ตั้งใจให้เกิดอุบัติเหตุสักหน่อย ทำแบบนี้มัดมือชกกันชัดๆ เลย " "คุณซี อย่าทำแบบนี้เลย อย่ามาทำให้ผมคิดว่าคุณรักผมเลยครับ"