=14=
แสงสว่างดับวูบลง
รอบตัวมีเพียงแค่ความมืดมิด
ผมคิดถึงเขา
เขาคือแสงสว่างเดียวของผม
"ซี กูรักมึงนะ"
สองขาก้าวสุดกำลังที่ผมมี เรี่ยวแรงทั้งหมดแทบไม่เหลือ และเรื่องราวร้ายๆ มันก็เกิดขึ้นอีก ทันทีที่ผมเหยีบสนามบินหวังเพียงแค่จะมาเซอร์ไพรส์คนรักก่อนหนึ่งวัน แต่ผมกลับต้องวิ่งเหมือนหัวใจกำลังจะหลุดออกจากร่างแทน เสียงโทรศัพท์ของพ่อที่บอกพายุอยู่ในห้องฉุกเฉินทำให้ผม อยากจะหายตัวไปอยู่ข้างๆ เขาถ้าทำได้
ชีวิตของผมต้องดับมืดลงอีกครั้งหรอ ผมไม่อยากสูญเสียหัวใจดวงเดียว แสงสว่างเดียวของผม ผมไม่อยากกลับมาที่นี่อีกแล้ว แล้วทำไมจะต้องเกิดเรื่องแบบนี้
ผมหยุดยืนอยู่ที่ประตูหน้าห้องฉุกเฉิน พ่อกับคุณปริมที่ร้องไห้ปานจะขาดใจ อยู่ที่หน้าห้อง พ่อปลอบประโลมคนรักและละมือออก หลังจากเห็นหน้าผม ผมไม่ได้มีคำถาม แต่พ่อกลับมีคำตอบให้ผมเพียงส่ายหน้าและถอนหายใจ ผมลูบหน้าที่ร้อนวูบปานอยากจะให้เรื่องทุกอย่างมันจางหายไปเพียงแค่ผมลืมตา แต่ก็เป็นไปไม่ได้ ภาพต่อหน้าผมยังคงเป็นหน้าประตูห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาล
เสียงรองเท้าส้นสูงวิ่งมาจากทางเข้า เอ ทรุดกายพร้อมกับถอนหายใจข้างๆ ผม
"กลับมาถึงเมื่อไร ไหนว่ากลับพรุ่งนี้" ผมไม่ได้ตอบคำถามผมรู้ว่า เอ ต้องการทำให้ทุกอย่างดูผ่อนคลายแต่มันหนักหนาเกินกว่าที่เราจะแสร้งทำเป็นมีความสุขได้
"ยุ ไม่เป็นไรหรอก เชื่อเอนะซี หมอต้องช่วยยุได้อยู่แล้ว" เอตบลงที่บ่าผมเบาๆ
ผมมองมือที่กำกันแน่น ผมอยากจะให้หมอออกมาจากห้องเร็ว ๆ แล้วบอกว่ายุไม่เป็นไร เขาจะไม่เป็นไร
"ซี เดี๋ยวเสาร์นี้กูจะไปหาพ่อกับแม่นะ"
"มึงเลื่อนไปวันอาทิตย์ไม่ได้หรอวะ กูจะได้ไปด้วย"
"มึงจะไปทำไม" ไอ้เพื่อนตัวดี พูดไปก็คว้าผ้าขนหนูผืนเล็กออกจากมือผมไปเช็ดผมให้เสร็จสรรพ
"ไปฝากตัวเป็นเขย"
"ทะลึ่ง อย่าตามไปรังควาญพ่อกับแม่กู" พูดไปหัวเราะไป แถมโยกหัวผมแทบทิ่ม
"กูอยากไปไหว้เขาด้วยนี่หว่า"
"วันหลังก็ได้ มึงไปหาแม่มึงเถอะ ช่วงนี้กูว่าเขาต้องการมึงมากกว่าใคร"
ผมถอนหายใจหลังจากได้ยินคำพูดของเพื่อนพ่วงสถานะแฟน พ่อเพิ่งประกาศกับสื่อว่าหย่ากับแม่ผมอย่างเป็นทางการ และได้เลขาส่วนตัวเป็นภรรยาใหม่ ทั้งผมและเอรู้เรื่องนี้นานแล้ว พี่ไม่เคยเรียกร้องอะไร แต่พี่ปริมดันมีเจ้าตัวเล็ก และพ่อก็อยากจะรับผิดชอบว่าจริงๆ แล้วพี่ปริมไม่ใช่มือที่สาม แต่เรื่องแบบนี้ใครจะเชื่อ
แม่เองก็รู้คงรู้สึกเสียหน้าที่พ่อมาประกาศเอาตอนที่ผู้หญิงใหม่อุ้มท้องซะแล้ว เรื่องนี้ถูกปิดมานานและแม่ก็ไม่คิดว่าพ่อจะจริงจังถึงขนาดอยากให้พี่ปริมมีหน้ามีตาทางสังคมจนต้องประกาศกับสื่อ แม่กับพ่อไม่มีความสัมพันธ์ในฐานะสามีภรรยามานานโข แต่หน้าตาทางสังคมก็ทำให้พวกท่านพูดอะไรไม่ได้ อีกทั้งเรื่องธุรกิจที่ทำร่วมกันก็ต้องตกลงกันให้หมั่นเหมาะ ซึ่งนั้นเป็นเรื่องของผู้ใหญ่
เรื่องของผมกับบียังคงเป็นเรื่องของผมกับบีอยู่แบบนั้น ถึงผมจะบอกว่าไม่แคร์ไม่สนใจใครแต่กับบีไม่ใช่ บีไม่ต้องการให้ผมปฎิบัติกับเขาเหมือนคนรัก แค่ยังคงเป็นเพื่อนกันในสายตาคนอื่นก็พอแล้ว
"มึงกับกูตัวติดกันอย่างกับฝาแฝดไม่ต้องบอกหรอก"
"แต่กูไม่ชอบให้ใครมาจีบมึง หรือมาใกล้มึง มึงไม่รู้ตัวหรือไง"
"งั้นกูจะระวังตัวให้มากขึ้น แล้วก็ปฎิเสธให้ชัดเจนขี้นด้วย นะ นะ ซี"
"เอ่อ ก็ได้ อะไรวะมีแฟนก็ทำอะไรต่อหน้าคนอื่นไม่ได้"
ถึงผมจะหงุดหงิดแค่ไหนเวลาไอ้พวกรุ่นน้องมาคอยมองเวลามันเล่นบาส หรือสาวๆ มากรี๊ดตอนมันร้องเพลง แต่ผมก็ต้องสงบจิตใจไว้
พ่อของแม่บี หรือที่ผมชอบเรียกมันว่าไอ้บี๋ ประสบอุบัติเหตุตั้งแต่มันยังเด็กเหลือมันคนเดียวที่รอดมาได้ มันถูกอุปการะโดยบ้านอุปถัมภ์ของครอบครัวเกียรติกุล นั้นเองที่ทำให้เรารู้จักกัน มันต้องสอบชิงทุนของสมาคม เพื่อที่จะได้เรียนในทุกๆ ชั้นปี เพราะคนเป็นคนหัวดี ถึงได้เรียนมัธยมด้วยกัน และก็มหาวิทยาลัยเดียวกัน แฟนผมเก่งนะ น่ารักด้วย
เสาร์นี้เป็นวันครบรอบวันตายของพ่อกับแม่บี แต่ผมก็ยังงอแงอยากให้มันไปวันอาทิตย์แทนเพราะผมอยากไปกับมันด้วย แต่ก็ช่วยไม่ได้ เสาร์นี้ผมต้องเข้าไปบ้านใหญ่ไปอยู่เป็นเพื่อนแม่
"เอารถกูไปเถอะ อย่านั่งรถไปเลย"
"แล้วมึงอะ"
"เดี๋ยวกูให้ลุงจวงมารับก็ได้ เอารถกูไป" ทำท่างอแงใส่อีกคนที่แต่งตัวเรียบร้อยกำลังจะออกจากห้องไปชลบุรี พร้อมกับยัดกุญแจรถใส่มือให้ด้วย
"เอ่อ ก็ได้ มึงนี่"
"น่ารักจัง" ผมโผกอดอีกคนจากทางด้านหลัง "เดี๋ยวกูให้ป้านิ่มทำกับข้าวให้ ต้มยำกุ้งแซ่บๆ กับไข่เจียวฟูๆ ของโปรดมึงแล้วกับมากินด้วยกันดีไหม"
คนในอ้อมกอดพยักหน้างึกงัก น่ารักจนผมอดไม่ได้ที่จะหอมแก้มฟอดใหญ่
ผมออกจากห้องตามหลังบีไปติดๆ และถึงบ้านใหญ่ในเวลาไม่นานเพราะลุงจวงขับรถมารอ
หน้าหอแล้ว
"ตาซี เลิกกับบีได้ไหม" นั้นเป็นประโยคแรกที่ผมก้าวเท้าเข้าในบ้าน ยังไม่ทันจะเอ่ยทักทาย ยังไม่ทันที่จะนั่งลงคุยกันดีๆ
"ไม่ครับ" และนั้นก็เป็นประโยคที่ผมพูดทันทีแบบไม่คิดเหมือนกัน
"ซีอยากทำให้มี๊อับอายไปถึงไหนกัน แค่นี้หน้าก็จะไม่เหลืออยู่แล้ว พ่อแกก็คว้าเอาเลขามาเป็นเมียแถมท้องอีก แกยังจะผิดเพศอีก"
"มี๊ ซีรักบีนะ รักมาก ซีมีความสุข"
"แล้วมี๊หละ ซีอยากให้มี๊ตายใช่ไหม ยัยเอก็รู้แต่ก็ปิดกันเงียบทำไม อ่อ ใช่ซิ๊ พวกแกมันลูกพ่อนิ เขื่อพ่อแรง กินไม่เลือก"
"มี๊พูดแบบนี้ไม่ได้นะ เราต่างก็รู้กันดี เรื่องพ่อกับแม่น่ะ อย่าหลอกตัวเองว่าพี่ปริมเขามาแย่งพ่อไปเลย พ่อไม่ใช่ของมี๊นานแล้ว"
"ตาซี" เสียงตวาดกร้าว ดังไปทั่วห้องโถง จร ลูกชายลุงจวงเลขาของแม่วิ่งเข้ามาด้วยความตกใจว่าข้างในคงมีอะไรเกิดขึ้น พอเดินมาเห็นว่าข้างในสถานะการณ์ปกติดี ถ้าไม่รวมแก้วน้ำที่ถูกขว้างลงต่อหน้า ก็ยืนดูห่างๆ
"เราจะไม่ทำให้มี๊เสียหน้าหรอกครับ เรื่องที่เราคบกันจะไม่มีใครรู้"
"ไม่มีใครรู้ แต่ตอนนี้ทุกคนกำลังซุบซิบนินทาในวงสังคม จนรู้มาถึงหูฉันแล้ว แกยังจะบอกว่าไม่มีใครรู้อีกหรอก"
"แต่มี๊ครับ ซีรักบีครับ รักมาก"
"แล้วฉันหละ แกรักฉันบ้างไหม"
"มันไม่เหมือนกันนี่ครับ"
"งั้นแกก็เลือกเอา ว่าอยากให้มันตายหรืออยากให้ฉันตาย" ผมถอนหายใจกับคำพูดที่เอาแต่ใจของแม่ แต่ผมก็รู้ว่าช่วงนี้แม่อ่อนไหว และอ่อนแอมาก ไว้ค่อยกลับมาคุยกันดีๆ อีกทีดีกว่า
"ถ้าแกก้าวออกไปจากบ้านนี้ ฉันจะถือว่าแกเลือกแล้ว เลือกเด็กนั่นไม่ใช่ฉัน" ผมหยุดชะงักกับคำพูดนั้นเพียงชั่ววิ และก้าวเดินออกมา ผมไม่ได้คิดจะทิ้งแม่ ผมแค่อยากให้แม่มีเวลาแม่คิด และใจเย็นลงกว่านี้แล้วเราค่อยมาคุยกันใหม่ ผมทิ้งครอบครัวของผมไม่ได้ และผมก็ทิ้งเขาไม่ได้เหมือนกัน
ทันทีที่ผมก้าวเท้าจนถึงรถ เสียงกรี๊ดของแม่ก็ดังจนลั่นบ้าน ผมไม่ได้หันกลับไปมอง ก่อนที่ตัดสินใจขึ้นรถของลุงจวงเพื่อให้ไปส่งที่หอ
ไม่นานรถคันหรูของบ้านก็จอดลงที่หน้าหอ ผมฝากฝังให้ลุงจวงดูแลแม่ให้ด้วย เพราะตอนนี้ดูเหมือนเอก็ไม่ค่อยอยากกลับบ้านซักเท่าไร แล้วยังต้องมาทะเลาะกับผม แม่คงเหงาน่าดู
ก่อนที่ผมจะหาคีย์การ์ดเพื่อเปิดประตูเข้าไปในหอ ผู้หญิงหน้าตาน่ารัก เพื่อนผู้หญิงเพียงคนเดียวของผมก็ยืนอยู่ตรงนั้น
"พอซีเลิกกับดาว ซีก็ไปคบกับบี ซึ่งเป็นผู้ชายเหมือนกันอีกต่างหาก"
"ไม่หรอกแพร ซีแค่คิดว่าความรักมันเกิดกับใครก็ได้ ความรักไม่ได้ระบุเพศหรอกนะ"
"แต่ความรักของซีไม่ได้เกิดขึ้นกับแพรซินะ" น้ำเสียงอ่อยๆ และสีหน้าที่ไม่สู้ดีนัก ไม่ยากเลยที่จะทำให้ผมรู้สึกผิด ผมเข้าใจความรู้สึกของแพรดี และมันก็เหมือนกับที่แพรบอก ความรักของผมไม่เคยเกิดขึ้นกับแพรเลย
"แต่เราเป็นเพื่อนกันนะ และแพรก็คือเพื่อนคนเดียวของซี แพรคือคนแรกที่ซีมักจะคิดถึง" ผมสัมผัสผมสีดำสนิทนั้นอย่างเบามือ คนตรงหน้าก้มหน้างุด มือเล็กๆ เอื้อมมาจับมือของผม ไว้แน่น
"ถ้าแบบนั้นทำไมเวลาซีไม่เหลือใครกับไม่นึกถึงแพรหละ ทำไมถึงเป็นบี" ผมจะบอกยังไงดี คำว่า ไม่รัก คำเดียวก็ดูจะชัดเจนอยู่แล้ว แต่...มันก็เจ็บปวดที่สุดด้วย
"ซี แพรรักซีนะ รักซีมาตลอด" ผมไม่นึกว่าแพรจะพูดมันออกมาถึงแม้ว่าผมจะรู้ดีถึงความรู้สึกนั้น
"ขอโทษนะแพร ซีขอโทษ แพรเข้าใจซีใช่ไหม" ผมเชยคางของอีกฝ่ายให้มองขึ้นมาสบตากัน
ชั่ววินาทีเดียวที่เหมือนโลกของผมหยุดหมุน แพรเขย่งปลายเท้า ปากเล็กๆ นั้นสัมผัสกับปากของผม มือเล็กๆ ปล่อยออกจากมือของผมแล้ว จับแก้มผมไว้แน่นเหมือนไม่ให้ขยับหนี รอยจูบที่ดูไม่ประสีประสา แต่ก็บอกได้ถึงความตั้งใจ รอยจูบที่แพรมอบให้ ผมไม่รู้สึกกับมันเลยสักนิด ไม่เหมือนรอยจูบที่ผมมีให้กับบี ผมทั้งตกใจ และไม่คิดว่าผู้หญิงเรียบร้อยที่อยู่ต่อหน้าจะกล้าโน้มหน้าผู้ชายลงมาจูบ
เอี้ยดดดดดดด
เสียงออกตัวรถดัง นั่นผมให้ผมผละออกจากจูบของแพรและหันไปดู รถคันสีดำสนิทที่คุ้นตา แถมเลขทะเบียนที่เห็นไวๆ นั้นก็ใช่ วันนี้คงเป็นวันโชคร้ายของผมที่ไอ้เพื่อนสนิทน่าจะเห็นผมจูบกับแพรพอดี
ผมพยายามโทรหาบี แต่มันก็ไม่รับสายผมแม้แต่สายเดียว แล้วนี่ฟ้าก็มืดขนาดนี้แล้ว ผมพยายามโทรหาเพื่อนทุกคน แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบจากใครสักคนที่รู้ว่าบีไปอยู่ที่ไหน
RRRRRRRRRRRR
"ฮัลโหลครับ"
(โรงพยาบาลเกีรติกุลค่ะ คุณรู้จักคนที่ชื่อบดินทร์ไหมคะ)
"ครับ ผมรู้จักเกิดอะไรขึ้นครับ"
(ตอนนี้คุณบดินทร์ ประสบอุบัติเหตุอยู่ที่ห้องฉุกเฉินค่ะ)
ผมกดวางสายแล้วรีบไปโรงพยาบาลทันที
"หมอเสียใจด้วยครับ"
เสียงสุดท้ายของหมอ ได้พาหัวใจของผมไปด้วย พาแสงสว่างของผมไป ผมทรุดตัวลงที่หน้าห้องฉุกเฉิน ไม่มีน้ำตา ไม่มีเสียงคร่ำครวญ ผมเพียงนั่งอยู่ตรงนั้น และอยากจะตามเขาไปในทันที
"รถของผู้ตายถูกตัดสายเบรกครับ"
เสียงของตำรวจที่ยืนอยู่ตรงนั้นไม่ได้ทำให้ผมมีสติ ประโยคที่วนเวียนในหัว
"งั้นแกก็เลือกเอา ว่าอยากให้มันตายหรืออยากให้ฉันตาย"
มันไม่ใช่อุบัติเหตุ
"ผู้ตายขับรถเร็วมากครับ ผมให้รถเสียหลักอย่างแรง"
จริงๆ แล้วคงเป็นผมเองที่ทำให้เขาตาย
"ผู้ตายกำรูปของคุณไว้ด้วยครับ"
รูปของผมที่บีมักจะใส่กระเป๋าสตางค์ไว้ ถูกขย้ำและเต็มไปด้วยเลือด ผมมองมันอย่างเลือนลอย ผมไม่รู้จะทำยังไง ผมไม่เหลืออะไรอีกแล้ว
ผมคิดถึงกลิ่นของเขา รอยกอดที่ผมกอดเขาเมื่อเช้า นั้นคือครั้งสุดท้ายที่ผมกอดเขา และก็เป็นครั้งสุดท้ายที่เราคุยกัน
ผมอยากให้เขากลับมา รูปในมือของเขาผมหยิบมันมาจากมือของตำรวจ ผมเห็นแล้วก็กลั้นน้ำตาไม่อยู่ เขาตายเพราะผม เขาตายแล้วยังเข้าใจผิดว่าผมมีคนอื่น เขาตายเพราะรถของผมโดนตัดสายเบรก คนทำมันอยากให้ผมตาย ถ้าผมไม่บังคับให้เขาเอารถผมไป ผมอาจจะไม่เสียเขา ไม่เสียเขาไปแบบนี้ ผมอยากได้เขาคืนมา ผมจะทำยังไงดี โลกทั้งโลกของผมไม่เหลืออีกแล้ว แสงสว่างของผมไม่มีอีกแล้ว
"ไอ้ซี" เสียงตบบ่าดังปุ ทำให้ผมตื่นจากความทรงจำเดิมๆ
"คุณยุปลอดภัยแล้ว" สิ่งที่ไอ้หมอบอกมันคือเสียงสวรรค์ที่ผมไม่อาจปฎิเสธได้เลยว่าผมดีใจมากแค่ไหน
"ขอบใจเว้ย"
"แต่ตอนนี้ยังเข้าเยี่ยมไม่ได้นะ มึงค่อยมาพรุ่งนี้ รอฟื้นก่อน"
"ขอกูดูหน้าเขาแปบนึงได้ไหมวะ" ผมต่อรอง ไอ้หมอพยักหน้า ผมรู้เลยว่าที่มันทำคือความสนิทล้วนๆ
ภาพของคนที่นอนอยู่ในห้องกระจกตรงหน้า มีสายระโยงระยางห้อยเต็มตัว ปากยังอมท่อออกซิเจนอยู่ ผ้าพันแผลที่พันทั้งข้อมือ แขน เท้า ที่หัว นอนหลับตาพริ้มไม่กระดุกกระดิก ภาพดิจิตอลรูปหัวใจตรงเครื่องวัดชีพจรเป็นสิ่งเดียวที่บอกให้รู้ว่าเขายังหายใจอยู่ หน้าตาที่มีรอยฟกช้ำปะปรายทำให้ผมแทบหัวใจแทบหยุดเต้น เป็นไปได้ ผมอยากเป็นคนนั้น คนที่นอนอยู่ตรงนั้นแทนเขา
"ทำไมไม่เป็นกูวะ ไอ้หมอ คราวที่แล้วก็เหมือนกัน มันสมควรเป็นกูไหมวะ"
"แล้วมึงคิดว่า ถ้ายุ หรือ บี มายืนอยู่ตรงนี้จะไม่คิดเหมือนมึงหรอวะ"
เขาต้องคิดเหมือนผมแน่ เขาต้องอยากลงไปนอนทรมานตรงนั้นแทนผมแน่ แต่ผมอยากเห็นแก่ตัว อยากเป็นคนที่เจ็บซะเอง เพราะผมว่าผมคงรู้สึกดีกว่าที่ต้องยืนมองเขาอยู่แบบนี้
"จะลำบากอะไร มึงดูซิ หลับสบายเชียว" ผมพูดออกไปพร้อมกับหัวเราะในลำคอเบาๆ น้ำตาก็ไหลออกจากสองตา แบบที่ผมไม่รู้ตัว ไอ้หมอตบบ่าผมอีกที
"ไม่มีอะไรต้องห่วงแล้วหละ ถ้าผ่านคืนนี้ ชีพจรปกติ ก็โล่งแล้ว" ผมพยักหน้า แต่ก็อดที่จะเป็นห่วงไม่ได้ ผมอยากจะกอดเขา อยากจูบเขา อยากลูบผมนิ่มๆ นั้น
"ตัวเปี๊ยก อยู่กับฉันก่อนนะ สู้ให้ผ่านคืนนี้ไปให้ได้นะ"
TBC
ใกล้จบแล้ว หรือไม่นะ กะเป็นตอนไม่ได้แต่ที่วางโครงเรื่องไว้ก็ใกล้แล้วหละค่ะ
ขอบคุณนักอ่านทุกท่านนะคะ
T
B
VOCÊ ESTÁ LENDO
The Love อย่ามาใกล้ถ้าไม่ได้รัก
Romance"ทำไมผมต้องย้ายมาอยู่กับเขา ผมไม่ได้ตั้งใจให้เกิดอุบัติเหตุสักหน่อย ทำแบบนี้มัดมือชกกันชัดๆ เลย " "คุณซี อย่าทำแบบนี้เลย อย่ามาทำให้ผมคิดว่าคุณรักผมเลยครับ"