=13=
"จ้องหน้ากูนี่หาเรื่องรึไง"
"เปล่านิ ไอ้บี๋ มึงไม่อยากมีแฟนหรอวะ" ผมออกปากถามเพื่อนสนิท หลังจากที่เรานั่งรอแม่ยอดขมองอิ่มของผม ร่วมชั่วโมงแล้ว แต่แม่สาวดาวคณะอักษรก็ไม่มีท่าทีว่าจะลงมา
"ไม่อะ กูมีคนที่ชอบแล้ว"
"ห๊ะ" ผมตกใจกับคำตอบไม่น้อย แล้วผมก็รู้สึกแย่กับคำตอบของมันด้วย
"แล้วกูไม่คิดจะมีใครด้วย แล้วไม่ต้องถามนะว่าทำไมกูไม่บอกเขาว่ากูชอบ เพราะว่ากูไม่อยากจะบอก"
"ไม่บอกแล้วเขาจะรู้เหรอวะ ว่ามึงชอบ"
"กูไม่บอกแต่กูแสดงออกเยอะมาก แต่แม่งก็เสือกฉลาดน้อยเกินกว่าจะสังเกตเห็น" ผมนั่งเขี่ยหลอดในแก้วน้ำอัดลมที่ตอนนี้น้ำแข็งละลายจนทำให้โคล่าในแก้วจืดเต็มทน แต่ผมขอจับสายตาไว้ที่แก้วนี่เถอะ เพราะคนที่นั่งฝั่งตรงข้ามมันเอาแต่จ้อง ผมกลัวว่ามันจะจับสังเกตผมได้
"แล้วไง ยัยคุณหนูดาวคณะมึงเนี้ย อีกนานไหมกว่าจะเสด็จ"
"บี๋ มึงมีคนที่ชอบแล้ว แล้วถ้ามีคนอื่นมาบอกว่าชอบมึง มึงจะทำไงวะ"
"ทำใม? อะไรดลจิตดลใจมึงให้อยากรู้เรื่องกูขนาดนี้"
"ช่างเถอะ กูแค่ถาม เห็นมึงก็มีสาวๆ มาตอมใช่ย่อย"
"ก็อย่างที่กูบอก ถ้ากูไม่ได้คบกับเขา กูก็ไม่คบใครหรอก"
คำพูดประโยคสุดท้ายของไอ้บี๋เพื่อนตั้งแต่มัธยมมันทำให้ผมถอดใจ ไม่นานมานี้ผมมารู้สึกตัวเองว่าเป็นเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ ถึงแม้ไอ้อาการหวงมันจะมีมานานโขแล้วแต่ก็แน่ใจสุดๆ ตอนที่แม่สาวทรงโตเดินมาคลอเคลียมันแบบต่อหน้าต่อตา แล้วไหนจะพวกนักกีฬาหล่อล่ำพวกนั้นอีก ไอ้บี๋ หน้าตาน่ารักออกจะถนัดไปทางผู้หญิง ผมสีเทาควันบุหรี่ที่เพิ่งจะทำมาใหม่ยิ่งทำให้มันดูมีเสน่ห์ ผิวขาวสะอาดสะอ้าน ร่างกายผอมบางอ้อนแอ่นไม่เหมือนผู้ชาย ไม่แปลกนักที่จะมีหนุ่มล่ำๆ มาแจกขนมจีบ
แต่เรื่องเสน่ห์ของมันก็ไม่ได้จบลงเท่านี้ ตอนมันจับไมค์ร้องเพลงกับวงของมหาวิทยาลัย สาวๆ ก็กรี๊ดกันฮอลแทบแตก หรือจะเป็นท่าดูดบุหรี่ใต้ต้นไม้ข้างสนามบาสหลังจากที่มันแข่งชนะนั้นก็ด้วย ผมใจสั่นทุกครั้งที่เห็นมันถอดเสื้อนักศึกษาแล้วใส่เสื้อกีฬากลับลงไป ผิวขาวๆ ไม่สามารถทำให้ผมละสายตาได้แม้แต่ครั้งเดียว
ผมเป็นบ้าเป็นบออยู่เป็นพัก เพราะคิดว่าตัวเองคงผิดเพศไปแล้วที่มาละเมอถึงผู้ชายด้วยกัน แต่ก็ต้องยอมรับในที่สุดว่าไม่ใช่ใครก็ได้ เพราะหลังจากการพิสูจน์ตัวเองด้วยการดูหนัง AV ผู้ชายกับผู้ชายก็ทำให้ผมอ้วกแตกไปหลายรอบ หรือว่าลองไปมองคนอื่นถอดเสื้อก็ไม่ใจสั่นเหมือนกัน ทำให้ผมคิดว่าอารมณ์ร้อนรุมของผมก็เป็นเฉพาะเวลาอยู่กับมันเท่านั้น
เรื่องมันอลม่านเมื่อมีดาวคณะอักษรแอบเขียนโพสอิทแปะไว้ที่กระเป๋าตอนทีเราเล่นบาสด้วยกัน "ซีสนใจมากินข้าวด้วยกันไหมคะ ดาวจะรอที่โรงอาหารอักษร" ไม่ใช่มีแค่ผมกับไอ้บี๋ที่ได้อ่านโพสอิทอันนี้ แทบจะทุกคนในสนามเลยก็ว่าได้
ผมมองหน้าไอ้เพื่อนตัวดี แต่มันกลับตบไหล่ผม "เอาดิวะ น้องดาวสาวสวยเชิญขนาดนี้รอไร เป็นกู กูไปแล้ว" นั้นทำให้ผมรู้ว่า เรื่องความห่วงใย ความใส่ใจทุกอย่างที่เกิดขึ้นระหว่างผมกับมันมีเพียงแค่ผมคนเดียวที่คิดมาก
ตลอดเดือนที่ผ่านมาที่ผมไปเดทกับน้องดาว แต่หน้าไอ้บี๋ก็ลอยมาอยู่ตลอดเวลา ยิ่งพอน้องดาวทักอีกยิ่งไปกันใหญ่
"คู่หูบีซีนี่ตัวติดกันตลอดเลยนะคะ"
"ไม่นะ ต่างคนก็ต่างมีเรื่องที่ต้องทำ แต่เอ๊ะ ทำไมถึงเรียกคู่หูบีซี"
"ก็เห็นซีที่ไหนก็เห็นบีที่นั้นใครๆ ในมหา'ลัยก็เรียกกันแบบนี้ทั้งแหละ ไม่มีใครไม่รู้จักหนุ่มสุดฮอตคณะบริหารหรอกนะ"
"งั้นหรอ"
แล้วตั้งแต่ที่ผมเดทกับดาว ดาวคณะอักษร ก็เหมือนไอ้บี๋ก็มีเดทเหมือนกัน ซึ่งเรื่องนั้นทำให้ผมเอ่ยปากถามมันในวันนี้
"ซีรอดาวนานไหม"
"นานมาก" ไอ้บี๋ปากไวตอบออกไปซะก่อนที่ผมจะเอ่ยปาก
"อาจารย์อะซิ ไม่รู้อะไรนัก เรียกคุยเรื่องงานกีฬากระชับมิตรมหา'ลัย ให้ถือป้ายทำอะไรก็ไม่รู้ น่าเบื่อจะตายไป"
"ก็ดาวน่ารัก ใครๆ ก็อยากให้โชว์" ไอ้บี๋ทำหน้าทำตาล่อเลียนยื่นหน้าเข้ามาใกล้ดาวจนเธอเบี่ยงหน้าหนี
"แล้วนี่ บีไม่ไปหาแฟนหรอ มาติดหนึบกับซีอีกแล้ว"
"โธ่ ถามแฟนเธอก่อนคุณหนูว่าทำไมฉันต้องมานั่งตรงนี้ ป่านนี้ที่รักฉันรอแย่แล้ว"
"อ้าว มึงมีนัดทำไมไม่บอกกูหละ"
"ไม่เป็นไรอะ เด็กกูโอเค ว่าง่าย น่ารัก"
"เดี๋ยวๆ ไหนมึงบอกจะไม่คบใครไง" ผมยื้อข้อมือเล็กๆ นั้นไว้ ก่อนที่มันจะสะพายเป้ขึ้นไหล่ ผมเห็นสายตาของผู้หญิงคนเดียวที่ยืนอยู่ตรงกลางมองมือของผมสลับกับหน้าผมนิ่ง เธอคงสงสัย แต่ผมก็ปล่อยให้ความสงสัยของผมค้างคาไม่ได้เหมือนกัน
"ก็หนุกๆ ไงวะ เพราะไม่ว่ายังไง เขาก็ไม่คบกับกูอยู่ดี ถึงกูจะบอกหรือไม่บอกก็มีค่าเท่ากันนั้นแหละ สู้ให้มันเป็นแบบนี้ได้มองหน้าได้คุยได้อยู่ใกล้ยังดีซะกว่าไม่ได้อะไรเลย" ผมปล่อยข้อมือเล็กๆ นั้นที่วันนี้ผมเพิ่งสังเกตว่าเล็กกว่ามือผมอยู่หลายเท่า ผมปล่อยให้มันเดินไปได้เห็นแต่แผ่นหลังเล็กๆ แต่ผมอยากรู้จัง ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร คนที่ไอ้บี๋มันชอบจนไม่กล้าที่จะเอ่ยปากสารภาพ
The Love
"บี ช่วยห่างจากซีหน่อยได้ไหม"
"เธอว่าอะไรนะ" ผมงงเป็นไก่ตาแตกเมื่อแม่สาวสวยดาวคณะอักษร แฟนไอ้ซีเพื่อนสนิทผมนัดผมออกที่ร้านนมแถวๆ มหา'ลัย แถมยังเริ่มบทสนทนาแบบไม่ได้ทันให้ตั้งตัวอีก คนเริ่มพูดก่อนกลับก้มหน้างุดไม่ยอมเงยหน้ามาสบตากัน
"เราอยากให้บีห่างๆ ซีหน่อย"
"เดี๋ยวนะ ที่หมายความว่าจะให้เลิกคบกับไอ้ซีงั้นหรอ เลิกเป็นเพื่อนกันแบบนั้นน่ะหรอ"
"ไม่นะ ไม่ใช่แบบนั้นเพียง เราแค่ไม่อยากให้ซีบีตัวติดกันเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว"
"นี่เธอกำลังใช้สิทธิ์ของแฟนมากเกินไปนะ ฉันกับไอ้ซีรู้จักกันตั้งแต่ม.ต้น แล้วทำไมฉันจะต้องเลิกคบกันเพราะกะอีแค่มันมีแฟน"
"แต่เราไม่อยากให้บีเข้าใกล้ซีอีกแล้ว"
"เธอจะบ้าหรอ ดาว เป็นอะไรมากไหม"
"ขอร้องหละบี เรารู้ว่ามันไม่มีเหตุผล เรารู้ทุกอย่างแหละ"
"รู้แต่ก็ขออะไรบ้าๆ" ทำไมผมจะยอมให้ความเป็นเพื่อนของผมกับซีล้มเพราะผู้หญิงแค่คนเดียว ผมคงทนนั่งอยู่ตรงนี้ไม่ได้ ตัดสินใจลุกขึ้นยืน พอกันที ผมไม่อยากคุยอีก
"เรารู้นะ ความรู้สึกของบีที่มีกับซี เรารู้ เราดูออก" นั้นแหละคือคำพูดที่ทำให้การกระทำของผมหยุดนิ่ง ผมค่อยๆ หย่อนตัวนั่งลงที่เก้าอี้ตัวเดิม ให้ตายเถอะ มีแต่ไอ้บ้านั้นใช่ไหมที่ดูไม่ออก ผมโมโหตัวเอง และก็โมโหทุกอย่างในโลก ที่ทำให้ผมคิดกับมันแบบนี้ ทำให้ผมคิดกับเพื่อนสนิทเกินจากเพื่อน
"รู้แล้วไง ไอ้ซีไม่... ไม่รู้นิ แล้วก็ไม่ต้องห่วง มันไม่มีวันรู้แน่"
"แต่ตั้งแต่วันนั้นวันที่บีบอกว่ามีคนที่ชอบแล้ว บอกว่ามีคนอยากคบด้วย ซีก็ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ขนาดวันก่อนกินข้าวด้วยกัน ซียังกล้าถามเราว่าคิดว่าผู้หญิงที่บีชอบจะเป็นคนยังไง ถึงทำให้บีรักได้ขนาดนั้น พอเราบอกว่า ก็ดีแล้วที่บีมีคนที่ชอบ ซีก็ตอบกลับมาว่าไงรู้ไหม ซีบอกว่า ซีไม่อยากให้บีมีใคร ไม่อยากให้บีชอบใคร มีแค่ซีก็น่าจะพอแล้ว ฮึก ฮื่อ บี เราขอร้องหละ ระ ฮึก ฮือ เรารักซีจริงๆ"
เสียงสะอึกสะอื้นของผู้หญิงตรงหน้า มันทำให้ผมทำอะไรไม่ถูก คนในร้านเริ่มหันมามองเราทั้งคู่ แล้วผมควรทำยังไง ที่ดาวกำลังพูดหมายถึงว่าไอ้ซีมันก็รู้สึกกับผมเหมือนที่ผมรู้สึกกับมันงั้นหรอ แล้วผมจะต้องทำยังไงหละ ทำไมผมต้องยอม ถ้ามันคิดเหมือนผม ทุกอย่างก็ลงตัวแล้วใช่ไหม แล้วทำไม ทำไมผมจะต้องแคร์คนอื่น
"บี คงไม่อยากให้ใครมองซีไม่ดีใช่ไหม ไม่อยากให้คนอื่นมองว่าซีแปลกแยกใช่รึเปล่าบี"
ทำไมหละ มีความรักมันผิดขนาดนั้นเลยหรอ เราเลือกไม่ได้นิ ว่าเราจะรักใคร ผมรักมันและมันก็เป็นผู้ชายแค่นั้นเอง มันกลายเป็นความผิดขนาดนั้นเลยหรอ
"อื่ม หยุดร้องได้แล้ว ฉันจะหายไปเอง โอเคไหม" ไม่รู้ว่าเป็นเพราะน้ำตาของคนตรงหน้า หรือเป็นเพราะผมรักมันมากจนไม่อยากเสียมันไปกันแน่ ก็จริงอย่างที่ดาวพูด ผมคงทนไม่ได้ถ้ามีใครมามองว่ามันเป็นพวกแปลกแยก หรือมองมันไม่ดี ไหนจะพ่อแม่มันอีก บ้านซีมีทั้งหน้าตาชื่อเสียงทางสังคมคงไม่ยอม ไม่เหมือนผม แค่เด็กกำพร้าไม่มีหน้าตาใครให้ต้องรักษา
"แต่ ฉันจะไม่ยอมเลิกคบกับมันหรอกนะ" ผู้หญิงตรงหน้าพนักหน้างึกงัก พร้อมกับเช็ดน้ำตาลวกๆ และขอตัวกลับในทันที แล้วผมหละ จะต้องทำยังไง ผมควรจัดการกับหัวใจตัวเองก่อนตอนนี้ การได้อยู่กับคนที่ชอบที่รัก แล้วแสดงออกมาถึงแม้จะพูดไม่ได้ แต่เราก็ยังได้อยู่ใกล้ๆ ผมว่านั้นก็เป็นความสุขอย่างหนึ่งแล้ว ถึงมันจะทรมานก็เถอะ แต่.. ตอนนี้ผมต้องตัดใจจริง เข้าใกล้ก็ยังไม่ได้ ผมจะทำยังไงดี
The Love
ผมรู้สึกไปเองหรือว่าไอ้บี๋มันหลบหน้าหลบตาผมจริงๆ นี่เป็นอาทิตย์แล้วที่ไม่เห็นหัวมัน เรียนก็ไม่เข้าเรียน แถมไปหาที่บ้านก็ไม่เจอ นี่เป็นอะไรของมัน ถามใครก็ไม่มีใครรู้ กลุ่มพวกที่เล่นบาสกับมันก็ไม่เห็น มหาวิทยาลัยก็แค่นี้ผมไม่รู้จะตามหาตัวมันได้ที่ไหน ก็... ผมคิดถึงมันนี่หว่า
"มึงอยู่ไหนเนี้ย" นี่แทบจะเป็นครั้งเดียวในรอบอาทิตย์ที่มันรับสายผมแต่ไม่ใช่ครั้งเดียวที่ผมโทรหามัน
(มึงมีอะไรหละ)
"ไอ้ฉิบหาย กูโทรหามึงจะร้อยรอบแล้ว เรียนก็ไม่เข้า บ้านก็ไม่กลับ"
(เอ่อ กูรู้แล้วว่ามึงไปหา ป้าเขาบอกกูแล้ว มึงมีไรก็รีบๆ พูดมากูยุ่ง ไม่ว่างคุย"
"มึงยุ่งอะไรวะ มึงไม่ว่างคุยกับกูเนี้ยนะ"
(ก็เอ่อดิ มึงมีอะไรหละ ไม่มีอะไรกูวาง)
"ไอ้บี๋"
(เอ่อ)
"มึงโกรธกูเรื่องอะไรวะ กูทำอะไรให้มึง มึงถึงหลบหน้ากูขนาดนี้ กูขอโทษได้ไหม มึงอย่าทำแบบนี้กับกูเลย" ผมทรุดตัวนั่งลงที่โต๊ะม้าหินที่เราจะนั่งด้วยกันประจำ ผมหมดแรงแล้ว ผมไม่รู้ว่าระหว่างมันกับผม มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมทุกอย่างมันถึงได้ลงเอยแบบนี้ได้
(เปล่า กูไม่ได้เป็นอะไรหรอก ช่วงนี้กูไม่ค่อยว่าง) น้ำเสียงของบี๋มันแสดงให้ผมรู้ว่ามันมีเรื่องบางอย่างที่ค้างในใจ
"มึงเคยไม่ว่างกับกูด้วยหรอวะ"
(แค่นี้นะไอ้ซี กูต้องไปแล้ว)
"มึงไม่มีกู ก็ไม่เป็นไรใช่ปะวะ" ไม่มีเสียงตอบมาจากไอ้บี๋ มีแต่เสียงตัดสายไปแค่นั้น นี่ผมทำอะไรผิดวะ มันถึงได้ห่างเหินกับผมแบบนี้
"ซีกำลังทำอะไรอยู่เหรอ ไหนบอกเหนื่อยอยากกลับบ้านไง"
"อื่ม ก็กำลังจะกลับ" ผมเงยหน้ามองดาว ที่เดินมาแบบไม่ให้สุ่มให้เสียง
"เป็นอะไรไป"
"เปล่านี่ เลิกแล้วหรอ กลับพร้อมกันเลยไหม"
"ซีคิดถึงบีหรอ" น้ำเสียงอ่อมแอ่มของผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าทำท่ากล้าๆ กลัวๆ
"เหงามั้ง เคยอยู่ด้วยกันตลอด ดาวอยากไปไหนไหมอะ ไปกินไอติมไหม" ผมกำลังพยายามทำหน้าที่ของว่าที่แฟนที่ดี ที่พูดแบบนี้เพราะเราไม่มีการคุยกันว่าเราคบกันแล้ว เพียงแต่การที่เราไปไหนมาไหนด้วยกันก็ทำให้คนในมหา'ลัย มากกว่าครึ่งก็เข้าใจแบบนั้นไปแล้ว ซึ่งกับไอ้บี๋เองผมก็ไม่เคยบอกมันด้วยซ้ำว่าผมกับดาวอยู่ในสถานะไหน และผมรู้ว่ามันก็เข้าใจเหมือนคนอื่นๆ
"ไม่อะ ซีไม่ได้อยากไปกับดาวเลย นี่ซีไม่รู้สึกอะไรกับดาวเลยใช่ไหม ก็จริงที่ดาวเข้าหาซีก่อน แต่ว่า... ซีก็น่าจะหันมามองดาวบ้าง" ถึงผมจะรู้ว่าคนตรงหน้าหมายความว่ายังไง แต่ตอนนี้ผมก็ขอเนียนไม่รู้เรื่องไปก่อน
"ดาวพูดเรื่องอะไร"
"ดาวรู้นะ ดาวดูออก" ผมทำหน้าไม่ถูกกับคำพูดที่ได้ยิน ไม่รู้คำว่าดูออกของดาวนี่มันเป็นแบบไหนกันแน่
"ดูอะไรออก"
"ดาวดูออกนะว่าซีคิดยังไง เพียงแต่ดาวไม่รู้ว่ามันเป็นกับทุกคน หรือเป็นแค่กับบีคนเดียว เพราะดาวไม่เคยเห็นซียุ่งกับผู้ชายคนไหน"
"...."
"ดาวเป็นคนบอกให้บีออกห่างจากซีเองนั้นแหละ ดาวไม่อยากให้ซีสับสน แต่ดาวว่า ซีไม่สับสนแล้วหละ ซีชอบบีมากขนาดนั้นเลยหรอ" คำถามที่ถูกถามออกมาผมเองก็ไม่รู้ว่าจะต้องตอบแบบไหนที่มันจะดีกับเราทั้งคู่ เพราะไม่ว่ายังไง คำตอบก็หลีกเลี่ยงเรื่องที่ผมไม่ได้ชอบเธอไม่ได้
"ซีจะยอมให้คนอื่นมองแบบนั้นได้หรอ"
"นี่มันเป็นปีไหนแล้วดาว ไม่มีใครมาคิดเล็กคิดน้อยแบบนั้นแล้วหละ"
"แล้วที่บ้านซีหละ" นี่แหละคือคำถามที่ทำให้ผมบอกไม่ถูก ผมทิ้งตัวลงนั่งอีกครั้ง กำสายเป้ไว้แน่น
"ขอให้นั้นเป็นปัญหาของเราแล้วกัน แต่ว่า... ดาว เรื่องของเรา หยุดมันแค่นี้ดีกว่าไหม" ไม่รู้ว่าผมหูฝาดไปไหมแต่สาบานได้ ว่าผมได้ยินเสียงสะอื้น ถึงแม้ผมจะไม่ได้มองหน้าเธอตรงๆ แต่ผมก็รู้ ว่าผมทำเธอร้องไห้ซะแล้ว
"ได้ซิ" น้ำเสียงสั่นเครือนั้นยิ่งทำให้ผมรู้สึกผิดมากขึ้นไปอีก
"ขอบใจนะ"
"ไม่เป็นไร แต่ซีคงคบกับบีไม่ได้หรอกนะ ต่อให้ยุคสมัยไหน ปากบอกว่ารับได้ แต่เชื่อดาวเถอะ ไม่มีใครรับเรื่องนี้ได้แบบเต็มอกเต็มใจหรอก" คำทิ้งท้ายของดาว คือมีดที่ค่อยแทงผมลงไปทีละน้อย
ผมไม่ได้ต้องการให้ใครมายอมรับหรอก ผมรู้ และผมก็เชื่อว่าความรักเกิดได้กับทุกคนไม่ว่าจะเป็นเพศไหนก็ตาม และผมก็รู้ตัวด้วยว่าคนที่ผมรักคือไอ้บี๋ไม่ใช่ใครที่ไหนก็ได้ ขอแค่อยู่แบบนี้ อยู่แบบที่มีเราอยู่ด้วยกัน เหมือนที่ผ่านๆ มา เป็นเพื่อนเป็นพี่เป็นน้อง และเป็นคนรักด้วย ถ้ามันต้องการ
ผมกลับมาหอพักด้วยความเบื่อหน่าย เดี๋ยวนี้ไอ้บี๋แทบจะไม่กลับมานอนห้องเลยด้วยซ้ำ มันอ้างแค่ว่าไปนอนคอนโดเพื่อน ซึ่งเอาเข้าจริงๆ ผมไม่เห็นจะรู้ว่ามันมีเพื่อนคนอื่นที่สนิทถึงขนาดไปค้างอ้างแรมด้วยได้ นอกจากผม
ผมไม่ซักไซร้อะไรมัน เพราะผมรู้ว่ามันคงรู้แล้วว่าผมรู้สึกยังไง แล้วก็ไม่แปลกใช่ไหมถ้ามันจะรังเกียจ หลังจากที่ดาวเล่าให้ฟัง ว่าพูดอะไรกับมันไปบ้าง ผมก็ตัดสินใจโทรหามันอีกรอบ แต่มันไม่รับโทรศัพท์ผมเลย
นี่ก็เป็นอาทิตย์แล้วที่เราไม่เจอหน้ากัน แต่ก็ยังดีหน่อยที่มันมาเรียนถึงจะนั่งอีกฝั่งหนึ่งก็ตาม ใครๆ ก็ถามว่าผมกับมันทะเลาะอะไรกัน แย่งผู้หญิงคนเดียวกันหรือเปล่า เพราะเราไม่เคยแยกจากกันเลย
"สงสัยไอ้บีแม่งแอบชอบดาวอักษรวะ เคยเห็นแม่งยื่นคุยกันบ่อยๆ"
"แล้วเดี๋ยวนี้ก็ไม่เห็นไอ้ซีเดินกับดาวแล้วด้วย แม่งเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดชัวร์"
ถึงจะเป็นคำพูดลอยๆ แต่ผมก็รู้ว่าไอ้พวกนี้มันตั้งใจให้ผมได้ยินชัดๆ
"ไอ้บี๋" ผมตัดสินใจดึงข้อมือนั้นเอาไว้หลังจากจบคลาส มันจะคาราคาซังกันนานเหลือเกินแล้ว
"มีอะไร" น้ำเสียงราบเรียบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นมันยิ่งทำให้ผมหงุดหงิด
"กูเลิกกับดาวแล้วนะ"
"กูรู้แล้ว ดาวบอกกูแล้ว" ถ้ามันพูดแบบนี้แสดงว่ามันจะรู้ทุกอย่างเลยหรือเปล่า
"งั้นหรอ ไปหาอะไรกินกันไหม" ยังไงก็ได้ ขอแค่กลับมาเหมือนเดิม ผมไม่อยากเป็นคนที่ไม่มีแม้กระทั่งสถานะ
"ไม่วะ กูนัดไอ้พวกนั้นกินเหล้าแล้ว" มันบุ้ยหน้าไปทางหน้าประตู ผมก็เห็นว่ามีอีก 2-3 คนยืนรอมันอยู่
"หรอวะ งั้นกูไปด้วยดิ" เอาวะ ยอมแลกทุกอย่างแล้ว ขอกันหน้าด้านๆ แบบนี้แหละ
"อย่าเลย มึงไม่สนิทกับพวกมัน กูกลัวมึงอึดอัด"
"แล้วกับมึงหละ กูก็ไม่สนิทหรอ" ผมจำต้องปล่อยแขนเล็กๆ นั้นไป ไม่มีแม้แต่คำตอบให้ผม แล้วสายตานั้นก็เย็นชาเกินกว่าที่ผมจะทนได้ มันทิ้งผมไว้ตรงนั้นแล้วเดินไปกับพวกนั้นโดยที่ไม่หันมามองผมอีกเลย
ESTÁS LEYENDO
The Love อย่ามาใกล้ถ้าไม่ได้รัก
Romance"ทำไมผมต้องย้ายมาอยู่กับเขา ผมไม่ได้ตั้งใจให้เกิดอุบัติเหตุสักหน่อย ทำแบบนี้มัดมือชกกันชัดๆ เลย " "คุณซี อย่าทำแบบนี้เลย อย่ามาทำให้ผมคิดว่าคุณรักผมเลยครับ"