หนังสือเล่มโปรด: "สูญสิ้นความเป็นคน" โดย ดะไซ โอซามุ

654 0 0
                                    

15/10/2016

ฉันมีโอกาสได้รู้จักงานเขียนนี้ผ่านเว็บพันทิพเมื่อหลายเดือนก่อน ซื้อฉบับแปลไทยจากบูธสำนักพิมพ์กำมะหยี่ในสัปดาห์หนังสือวันที่ 13/10/2016 เริ่มอ่านวันที่ 14/10/2016 อ่านจบในวันถัดมา และปิดหนังสือลงด้วยความรู้สึกหลายอย่างผสมปนเปกัน

ในฐานะนักอ่านธรรมดาคนหนึ่ง ฉันรู้สึกว่าหนังสือเล่มเบา ๆ เท่าฝ่ามือ หนาราวสองร้อยหน้านี้ มีดีมากกว่าให้อารมณ์หม่นเศร้า และครบรสกว่าที่คิดเอาไว้ สำนวนการแปลของคุณพรพิรุณ กิจสมเจตน์เข้าใจง่าย เนื้อเรื่องของผู้เขียนดั้งเดิมก็ชวนติดตาม โดยรวมออกแนวชีวิตขมขื่น แต่ในขณะเดียวกันก็แฝงไว้ด้วยข้อคิดและความงาม

ตัวเอกชื่อโอบะ โยโซ เกิดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ปุ่น มีส่วนที่ผิดแผกจากมนุษย์ทั่วไปตั้งแต่ยังเด็ก เช่น ไม่รู้สึกหิวจนต้องฝืนกินอาหารเหมือนประกอบพิธีกรรม พยายามทำตัวขบขันเพื่อเรียกเสียงหัวเราะจากคนอื่น หลายคนปักใจเชื่อว่านั่นคือตัวตนที่แท้จริง แต่รายแรกที่จับได้ว่าเขาจงใจคือเพื่อนชื่อทาเกะอิชิ อีกฝ่ายพูดไว้ว่าในอนาคตโยโซจะต้องมีผู้หญิงมารุมล้อมและเป็นจิตรกรเอกอย่างแน่นอน คำทำนายของทาเกะอิชิถูกครึ่งหนึ่ง เขามีผู้หญิงให้ความสนใจมากมาย หากเป็นได้แค่นักเขียนการ์ตูนของสำนักพิมพ์ปลายแถว ชีวิตไม่สู้ดีนัก มีประวัติดำมืดมากมาย ทั้งเข้าร่วมลัทธิซ้ายจัด ร่วมฆ่าตัวตายกับผู้หญิงคนหนึ่ง หล่อนตาย ส่วนตัวเองรอดมาพร้อมบาดแผลในจิตใจ เสพติดมอร์ฟีน ขี้เหล้า พยายามปลิดชีวิตตนหลายครั้งแต่ไม่สำเร็จ ถูกคนรอบข้างพาส่งโรงพยาบาลประสาท และยังมีขวากหนามอีกมากมายที่ไม่อาจบรรยายได้หมดในที่แห่งนี้

พออ่านประวัติผู้เขียนที่อยู่ท้ายเล่มแล้ว สัมผัสได้ว่ามีส่วนคล้ายกับเรื่องนี้หลายอย่าง คุณอุทิศ เหมาะมูล ก็เขียนไว้ในคำตามทำนองว่า เรื่องนี้ถูกประพันธ์ขึ้นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งประเทศชาติต้องการกำลังพล แต่พฤติกรรมของตัวเอกเป็นเสมือนการทำลายตัวเองเพื่อปฏิเสธการทำตามความคาดหวังต่าง ๆ ของสังคม เช่น ต้องเป็นลูกที่ดีของครอบครัว เป็นพลเมืองที่ดีของชาติ และถึงแม้จะมาจากปลายปากกาของนักเขียนผู้โหยหาความตายอยู่หลายครั้ง มันกลับเป็นเรื่องเล่าที่เปี่ยมด้วยพลังและชีวิตชีวา ฉันเองก็รู้สึกแบบนั้น

ต่อไป จะเป็นการยกตัวอย่างใจความบางส่วนออกมา

"ในเมื่อรู้เต็มอกว่าโลกใบนี้หนีไม่พ้นความอยุติธรรม แค่ฟ้องใครสักคนก็ไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น ตัวเองไม่มีทางอื่นนอกจากเก็บเงียบไว้ อดทน และสวมบทตัวตลกต่อไป...ผมรู้สึกเช่นนั้น"

"หากต้องอยู่อย่างหวาดกลัวต่อ 'การใช้ชีวิต' บนโลกมนุษย์ใบนี้ สู้ถูกจองจำในห้องขังอาจจะสบายกว่ามาก"

"บางครั้งความสุขกลับนำมาซึ่งความเจ็บปวด"

"แม้จะสวมหน้ากากยิ้มแย้มกับทุกคน ผมกลับไม่เคยได้สัมผัส 'มิตรภาพ' แท้จริงสักหน"

"สิ่งที่เรียกว่า 'ศาสนา' สำหรับผมแล้วคือการเดินคอตกเข้าสู่แท่นตัดสิน เพื่อรอรับโทษทัณฑ์จากพระเจ้า ผมเชื่อในนรก แต่ไม่เคยเชื่อสักครั้งว่าสวรรค์มีอยู่จริง"

"ทุกสิ่งล้วนผันผ่านตามกาลเวลา นั่นคือสิ่งเดียวที่ผมคิดได้ว่าเป็นสัจธรรมอันเที่ยงแท้ ตลอดเวลาที่ใช้ชีวิตอย่างทุกข์ทุรนทุรายในโลกของ 'มนุษย์'"

Memoir & MonologueDonde viven las historias. Descúbrelo ahora