เหตุผลที่ฉันเบื่อหนังสือสร้างแรงบันดาลใจโดยทั่วไป

58 0 1
                                    

ความคิดผุดขึ้นมาในหัวสมองมากมายจนไม่รู้ว่าจะเริ่มเขียนจากตรงไหนก่อน

สำหรับหัวข้อนี้ จะพยายามเขียนให้เป็นระบบที่สุด และพึงระลึกไว้เสมอว่าทั้งหมดเป็นเพียงความคิดของฉันเอง ไม่ใช่มหาคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ที่ทุกคนต้องเชื่อถือ ฉันรู้อยู่เต็มอกว่าท้วงติงคนอื่นไม่ช่วยให้ตัวเองสูงส่งขึ้น แต่ที่ทำลงไปทั้งหมดก็เพื่อปลดปล่อยความคิดที่อัดแน่นในใจมานานพอสมควร เมื่อสื่ออย่างใดอย่างหนึ่งปรากฏขึ้นมาบนโลกใบนี้ คงเป็นสิทธิ์ของคนเสพที่จะแสดงความคิดเห็นบ้างใช่ไหม? ฉันไม่ได้หมายรวมถึงหนังสือประเภทนี้ทั้งหมด แต่พูดถึงตามประสบการณ์ที่พบเจอมา

หนึ่ง ฉันไม่มีทางรู้ได้เลยว่า เขาทำอย่างที่เขาเขียนไว้จริง หรือเปล่า บางคนประกาศไว้สวยหรูจนเวลาอ่านแทบจะหยุดหายใจ เหมือนตัวเองเลิศเลอมากอย่างไรอย่างนั้น ถ้าทำได้จริงก็ยินดี แต่ถ้าไม่ได้ก็ถือว่าเขียนนิยายลวงโลกที่สวมรอยเป็นหนังสือนำทางชีวิต ถ้าปักใจเชื่อทุกอย่าง ฉันนึกไม่ออกเลยว่ามันจะนำไปทางไหน บางที พวกคนมีชื่อเสียงก็จ้างให้โกสต์ไรเตอร์เรียบเรียงให้ และแน่นอนว่าต้องมีการปรุงแต่ง พรรณนาให้น่าสนใจเกินจริง ฉันจำเป็นต้องนั่งอ่านของที่(อาจจะ)ยืมมือคนอื่นเขียนเกือบทั้งเล่มด้วยเหรอ อ่านฆ่าเวลาได้นะ แต่ขอเลือกอ่านเรื่องแต่งที่ระบุชัดเจนไปเลยดีกว่า

สอง ฉันมีต้นทุนชีวิตที่แตกต่างจากนักเขียนพวกนั้น หลายสิ่งหลายอย่างไม่สามารถประยุกต์ใช้กับชีวิตฉันได้ ข้อนี้หลายคนอาจเถียงว่าฉันไม่รู้จักปรับตัวเอง ซึ่งนั่นก็ถือว่าคุณกำลังใช้เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของคุณ (แบบที่ฉันกำลังทำอยู่) ไม่ได้ผิดบาปอะไร แต่บางเรื่องมันสุดวิสัยจริง ๆ และเมื่อคัดแต่สิ่งที่เป็นไปได้ออกมาจากหนังสือเล่มนั้น ก็แทบจะบางเฉียบเป็นใบปลิว แถมยังเขียนวกไปวนมา ไม่คุ้มค่าจะซื้ออีกต่อไป

สาม ฉันเบื่อความมินิมอลที่ใช้กระดาษแบบเปล่าเปลือง ข้อนี้คงไม่ต้องอธิบายอะไรมาก นักเขียนบางคนพอมีชื่อเสียง ลืมตาอ้าปากขึ้นมาก็เหมือนคิดว่าชื่อบนปกจะทำให้คนอ่านศรัทธาได้ ซึ่งก็ใช้ได้ผลกับตัวฉันในอดีต แต่ตอนนี้คงไม่แล้ว ฉันไม่อยากพลิกหน้ากระดาษบ่อย ๆ ทั้งที่หน้าเดิมมีช่องว่างเต็มไปหมด มันน่าเสียดายเกินไป

สี่ ฉันไม่ใช่คนที่อ่านอะไรแล้วสามารถปล่อยวางได้ มักจะครุ่นคิดไปนาน เหมือนประโยคที่อ่านกดทับลงมาในจิตใจ โดยเฉพาะหนังสือที่อ้างว่าจะทำให้ฮึดสู้อีกครั้ง สำหรับฉันคือไม่เลย ยิ่งมีใครมาพูดปาว ๆ ว่า แกมันขี้แพ้ ไม่พยายามมากพอ ฉันก็ยิ่งหดหู่กว่าเดิม ฉันคงไม่ขอเสียเวลาทนฟังคำพูดที่เหมือนจะหวังดี เวลาท้อแท้สิ้นหวัง ฉันแค่ต้องการห้องสมมุติว่าง ๆ ปลดปล่อยความรู้สึกลงไปให้เต็มเม็ดเต็มหน่วย พอดีขึ้นแล้วค่อยออกมา ไม่ใช่ใครไม่รู้พยายามพังประตูแล้วอ้างว่าตัวเองสามารถช่วยเหลือใครต่อใครได้

ห้า ฉันคิดว่า คนที่ควบคุมและเข้าใจของชีวิตใครสักคนได้ดีที่สุด คือเจ้าของชีวิตนั้นเอง คนอื่น ๆ ก็ทำได้เพียงให้คำแนะนำในภาพรวมเท่านั้น แค่เลือกรับมาใช้ ไม่จำเป็นต้องศรัทธาอะไรมากมาย ตอนนี้ ฉันไม่อยากยึดถือใครเป็นศาสดาของชีวิตอีกแล้ว จะเทิดทูนไปทำไมเมื่อทุกสิ่งทุกอย่างก็มีจุดบอดเป็นของตัวเอง

ระหว่างที่เรียบเรียงรายการออกมา ก็ได้ค้นพบว่านี่คงเป็นเหตุผลที่ฉันไม่มีความสุขเท่าที่ควร เพราะข้อแม้และคำถามในชีวิตฉันมันเยอะสิ้นดี หนักใจเหมือนกัน ทำยังถึงจะสลัดหลุดได้นะ?

จริงอย่างที่ใครบางคนเขาว่า บางครั้งการแสร้งหลับหูหลับตาเสียบ้างก็ทำให้ได้เห็นสิ่งสวยงามที่สุด

Memoir & MonologueWhere stories live. Discover now