ท่าอากาศยานแห่งชาติวนูโกว่า ณ กรุงมอสโค แห่งสหภาพโซเวียต แม้จะไม่ได้เปิดใช้อย่างเป็นทางการสำหรับประชาชนทั่วไปเพื่อรองรับผู้โดยสารสาธารณะ แต่ก็คึกคักไม่น้อย บรรยากาศของผู้คนที่กำลังเดินกันขวักไขว่
ทำให้โทนี่รู้สึกคุ้นเคยและเหมือนตัวเองได้กลับมาเป็นคนเมืองอีกครั้ง หลังจากที่ใช้ชีวิตเงียบๆอยู่ท่ามกลางธรรมชาติในวังวากันด้าอยู่หลายเดือนอันที่จริงการเดินทางจากวากันด้ามามอสโคไม่ใช่เรื่องง่าย ด้วยเวลาที่จำกัด องค์ที.ชัลล่าจึงทรงอนุญาตให้นำเครื่องบินของกองทัพมาใช้ในการเดินทางต่างประเทศครั้งนี้ โดยมีแซม กับ คลินท์ อาสามาเป็นนักบินให้
ทางโซเวียตจึงเปิดให้พวกเขาใช้สนามบินเป็นกรณีพิเศษ เพราะตามปกติจะใช้สำหรับการบินทางทหารเท่านั้นสตีฟรีบเข้าเฝ้าองค์ที.ชัลล่าแทบจะทันทีที่โทนี่ตอบรับคำชวนของเขา นายทหารหนุ่มรู้ดีว่า นักประดิษฐ์อย่างโทนี่ที่วันๆเอาแต่ขลุกอยู่ในแลป คงจะอึดอัดกับอะไรที่เป็นพิธีการ และน่าจะไม่ชินกับการไปไหนมาไหนโดยมีเจ้าหน้าที่รัฐล้อมหน้าล้อมหลัง ฝ่าบาทจึงทรงพระราชหัตถเลขาถึงโซเวียต ว่าพระองค์จะไม่เสด็จไปมอสโคด้วยพระองค์เอง และสตีฟกับโทนี่คงจะทำตัวไม่ถูกถ้าได้รับการปฏิบัติแบบผู้แทนพระองค์ รัฐบาลโซเวียตยอมรับคำขออย่างดี สตีฟและโทนี่จึงมาเยือนมอสโคประหนึ่งเหมือนข้าราชการที่มาทำงานนอกสถานที่เท่านั้น แต่ทั้งสองก็ได้รับการรับรองที่สะดวกสบาย
แซม กับ คลินท์ ยืนยันที่จะไม่ไปดูบัลเล่ต์ เพราะน่าจะเข้าไปหลับเสียเปล่าๆ และทั้งสองคนก็อยากจะตรวจดูความเรียบร้อยของเครื่องบิน เพื่อเตรียมเอาไว้สำหรับตอนบินกลับด้วย ทางโซเวียตจึงจัดห้องพักพิเศษในสนามบิน
ให้กับพวกเขาโทนี่ลอบมองสตีฟจากด้านข้าง ร่างสูงในชุดโค้ตยาวสีดำ กำลังตั้งใจเดินไปตามป้ายบอกทาง เส้นผมเรียบแปล้
ไหวเล็กน้อยไปตามแรง โทนี่กำลังงงกับภาษารัสเซียที่ดูเหมือนตัวหนังสือจะเขียนกลับหัวไปเสียหมด
สตีฟก็คงรู้สึกไม่ต่างกัน ดังนั้นทั้งสองจึงเดินมาตามทางเรื่อยๆโดยไม่ได้พูดคุยอะไรกันมากนัก
YOU ARE READING
Winter's Tale in Wakanda (stony fanfiction): เหมันต์วากันด้า (จบ)
Fanfictionเสียงฝนตกกระทบพื้น ชื้นกลิ่นดินเจือจาง สายลมเย็นพัดผ่านยามฟ้ามืด ฤดูหนาวในวากันด้าช่างแตกต่าง ใต้ผืนฟ้าไกลสุดตา กำแพงวังตั้งตระหง่าน บอกเล่าเรื่องราวมากมาย "สตีฟ ไม่ ปล่อฉันเจ้าโง่ คุ้มกันฝ่าบาท! คุ้มกันฝ่าบะ...." ไฟนรกแดงฉานมอดไหม้ทุกสิ่งอย่าง...