4. ต้นกล้าตระกูลหาน

1 0 0
                                    


จวบจนครรภ์ของจางกุ้ยถิงเกือบเข้าเดือนที่สิบ วังรัชทายาทต้อนรับท่านหญิงน้อยอีกหนึ่งพระองค์ ทารกน้อยร้องไห้ดังลั่นตั้งแต่คลอดออกมา จนเมื่อได้ชำระกายและดื่มน้ำนมจากอกมารดาก็นิ่งเงียบ นางมีใบหน้าละม้ายคล้ายทั้งบิดาและมารดา ครั้นเกิดมาแผดเสียงดังสนั่นไปทั่ววัง ตั้งแต่นั้นนางก็มิได้ปริปากร้องอีกเลย ยามหิวนมก็เพียงลืมตาทำปากขมุบขมิบ ยกแขนสองข้างเหยียดขาเรียกร้องความสนใจ ราวกับว่าใช้เสียงไปจนหมดสิ้นแล้ว

หวังหย่งเจี้ยนกอดหอมธิดาน้อยอยู่นานจนนางทำหน้าย่นเชิงรำคาญ เมื่อสังเกตแล้วจึงเห็นว่าบนข้อเท้าขวาของนางมีปานเล็ก ๆ นางต่างกับบุตรีคนโตนัก ยามปกติ สีหน้าเด็กน้อยนิ่งเรียบเฉกเช่นผู้ใหญ่ ดวงตากลมโตสีดำจ้องมองสรรพสิ่งคล้ายครุ่นคิดอยู่ภายในศีรษะน้อย ๆ ใครเล่นหรือหยอกล้อก็จับจ้องอย่างเดียว ไม่หัวเราะเอิ๊กอ๊ากอารมณ์ดีอย่างหวังเยว่เอ๋อ เมื่อเขาคลี่ยิ้มขอให้ลูกน้อยยิ้มหน่อย นางจึงเผยรอยยิ้มออกมาราวกับรู้ความ บิดาเห็นแล้วอัศจรรย์ใจนัก หวังเยว่เอ๋อนับว่าเป็นเด็กฉลาดเฉลียว แต่ธิดาองค์นี้กลับทั้งฉลาดและประหลาดในคราเดียวกัน

"เสด็จพี่" จางกุ้ยถิงเรียก ธิดาน้อยอายุสองวันกลับคืนสู่อกมารดา พอได้รับไออุ่นก็ผล็อยหลับไป

"บุตรีของข้าว่าง่ายทั้งสองคน" หวังหย่งเจี้ยนกล่าว เขาอยากให้พ้องกับนามของบุตรีคนโต จึงคิดไว้ว่าจะตั้งนาม เยว่ซิน ทว่าจางกุ้ยถิงมิได้ขอร้องให้เขาตั้งชื่อให้ จึงเก็บคำไว้ก่อน "ข้าคิดชื่อไว้แล้ว แต่เห็นเจ้าไม่ถาม เจ้าคงมีชื่อนางในใจ"

"เพคะ" ผู้เป็นมารดายอมรับ "ในอนาคตนางจะต้องเป็นกำลังสำคัญของต้าเฉิง หม่อมฉันอยากใช้คำว่าหวง ทั้งความฝันนั้นยังติดอยู่ในใจหม่อมฉันอยู่ลึก ๆ แม้หานฟูเหรินช่วยคลายปมให้แล้ว แต่อย่างไรก็ขอให้ได้แก้เคล็ดอีกสักนิดเถิด จึงขอเลือกคำว่าหย่ง เป็น หย่งหวง เสด็จพี่เห็นว่ากระไรเพคะ"

ตำนานหวงหลง (ตัวอย่าง)Waar verhalen tot leven komen. Ontdek het nu