แสงสีส้มสลัวๆจากเทียนที่ปักอยู่บนเค้กขนาดหนึ่งปอนด์สว่างไสวในความมืด ทันทีที่เพลง 'Happy Birthday'จบ ฉันก็หลับตาอธิฐาน 'ขอให้ฉันมีความสุข ขอให้ฉันได้เข้ามหาวิทยาลัยดนตรีในนิวยอร์ค' ฉันเป่าเทียน แล้วหันไปยิ้มให้ผู้หญิงคนหนึ่ง แม่...
แม่เดินหายขึ้นไปข้างบน ก่อนจะลงมาพร้อมกีต้าร์สีน้ำตาลเข้มสวย แม่ให้กีต้าร์เป็นของขวัญวันเกิดปีที่สิบสี่ของฉัน เธอตรงเข้ามากอดฉันด้วยความรักใคร่ ฉันกอดเธอแน่น กลัวว่าเธอจะหายไป
ฉับพลันภาพวันเกิดตรงหน้าเลือนหายไป ฉันนั่งอยู่บนรถที่นั่งข้างคนขับ แม่กำลังขับรถอยู่ เธอหันมามองฉันด้วยแววตาเศร้าสร้อย ฉันหันไปมองเธอด้วยความสับสน ยังไม่ทันที่ฉันจะเอ่ยปากพูดอะไร แสงสีขาวจ้าสาดเข้ามาฝั่งคนขับ พร้อมเสียงบีบแตรดังสนั่น ดวงตาของฉันเบิกโพลง แสงสีขาวจ้าพลันมืดมิดไป
ฉันสะดุ้งตื่น หายใจถี่เร็ว เหงื่อท่วมเปียกไปทั้งตัว ฉันรู้สึกได้ว่าน้ำตาที่เอ่อล้นอยู่ในดวงตากำลังจะไหล ฉันเงยหน้าพยายามให้น้ำตาไหลกลับไปที่เดิม
ฉันหยิบโทรศัพท์ ปลอดล็อกเพื่อดูนาฬิกา ตีสาม... ฉันคงไม่กลับไปนอนอีก ไม่งั้นคงฝันถึงเหตุการณ์แบบนั้น ฉัน... คิดถึงแม่ ฉันเริ่มสะอื้นเล็กน้อย มือปาดน้ำตา ยกมือขึ้นปิดหน้า ก่อนจะลุกขึ้นไปควานหาซองบุหรี่ในช่องใส่ของเล็กๆของกระเป๋ามาจุดสูบ ลมพัดผ่านหน้าต่างที่ฉันคงจะลืมปิดเข้ามา ทำให้ผ้าม่านพริ้วไหว
ฉันเดินไปริมหน้าต่าง หมู่บ้านนี้ช่างเงียบสงบ แม้จะอยู่ในเมืองใหญ่แบบนี้ ฉันเหม่อมองออกไป คืนนี้ท้องฟ้ามืดมากไม่เห็นดาวซักดวง แต่อย่างน้อยมันก็ยังสว่างกว่าใจฉันในตอนนี้
ฉันสูดหายใจลึก พลางพ่นควันสีขาวออกมาทางปาก บุหรี่ที่ค่อยๆมอดเริ่มกลายเป็นสีเทาและหดสั้นลง ฉันดับบุหรี่ที่เหลืออยู่ครึ่งมวน แล้วทิ้งมันใส่กระเป๋า เพราะฉันไม่อยากให้ป้ารู้ว่าฉันยุ่งกับของพวกนี้ ก่อนจะทิ้งตัวนอนลงบนเตียง และลืมตาอยู่อย่างนั้นจนเช้า...
YOU ARE READING
The Sea
Teen Fiction'One good thing about music, when it hits you, you feel no pain.' -Bob Marley เขาว่ากันว่าเสียงเพลงช่วยเยียวยารักษาความเจ็บปวด และฉันก็เชื่อแบบนั้น ﹌