Chapter#14 ทางเลือกจากทางแยก

11 0 0
                                    



ไอริชามาตามนัดคนเดียว กว่าจะเจออีกฝ่ายต้องใช้เวลาและติดต่อทางโทรศัพท์กันไปมาอยู่นานเอาเรื่องจนกลอว์นั้นหงุดหงิดโวยวายต่อว่าไอริชาเป็นการใหญ่ และไอริชาก็ต้องปวดหัวจากอาการที่มีผู้คนมากมาย ซึ่งก็มีทั้งกระแสจิตดีไม่ดีปะปนตีกัน จนประสาทสัมผัสที่อ่อนไหวของเธอมันรับไม่ไหว ยิ่งคลื่นกระแสจิตพี่สาวออกมาเป็นลบแล้ว ยิ่แงย่เข้าไปอีก เนื่องจากคนที่มาเที่ยวงานเนืองแน่น ลำบากที่จะหาจุดนัดพบกันได้ เด็กสาวตัวเล็กๆ พบว่าพี่สาวคงใส่เสื้อยืดกางเกงยีนส์ธรรมดาเหมือนเดิม แต่เท่าที่สังเกตใบหน้าของพี่สาวนั้นดูโทรมหมองค้ำกว่าที่เคยเจอกัน รู้สึกจะดูท้วมขึ้นมาหน่อยๆ ด้วย ไม่เจอนานแล้ว ไม่รู้ทางนั้นจะพูดคุยเรื่องอะไร
“บี๋ ทำไมเข้าใจยากจริงนะ ว่าแต่เป็นไงบ้าง”
“เรื่อยๆ ค่ะ”
“วันหลังหัดสังเกตสถานที่ให้มันละเอียดกว่านี้สิ อย่าเอาแต่อ้างนั่นอ้างนี่มันข้อแก้ตัว” เธอคงดุน้องสาวเป็นการใหญ่
จะให้จำได้อย่างไรในเมื่อ ไอริชาเคยมาที่นี่เพียงแค่สองครั้งเมื่อราวสามปีที่แล้ว
“ไหนๆ ก็มาละ เดินเที่ยวหน่อยดีกว่า”

ร่างบอบบางเดินตามพี่สาวไปทั้งอารมณ์เกร็งเครียด บอกไม่ได้ว่าทำไมเป็นแบบนั้น ทั้งที่ก็เป็นพี่น้องกัน  ถึงจะไม่ได้เจอกันบ่อยก็เถอะ แต่มันไม่ได้มีผลกับความสัมพันธ์ความเป็นครอบครัวกันหรอก เพราะไอริชายังรู้สึกสนิทสนมกับสตีลล่าขั้นพูดเล่าเรื่องอะไรตั้งมากมายแบบแทบไม่ปิดบังกัน ซึ่งรู้สึกสบายใจกว่ามากแต่กับกลอว์ มันเหมือนมีกำแพงหนาๆที่มองไม่เห็นกั้นอยู่ หรือว่ามีอะไรบางอย่างที่ทำให้ไอริชาไม่ได้เข้าใจถึงพวกเขากันนะ ทำให้แม้แต่กลอว์ ไอริชาก็รู้สึกว่าไม่สามารถเข้าถึงได้ ไอริชาถอนใจยาวนึกถามในใจ ทำไมบางทีความสัมพันธ์กับใครสักคนของมนุษย์ช่างซับซ้อนเหลือเกินนะ

ท่ามกลางผู้คนมากมาย และมีอะไรหลายสิ่งหลายอย่างที่น่าสนใจน่าค้นหาที่เรียกได้ว่าตามหาได้ไม่รู้จบกลับไม่ได้ช่วยลบความเหงาความอ้างว้างลงไปจากจิตใจได้ ความแห้งแล้งหดหู่ในอารมณ์ความรู้สึกลึกๆ คงดำรงอยู่ต่อไปเหมือนเป็นหลุมดำที่กลืนกินชีวิตชีวาของเจ้าของหัวใจ เพราะผู้คนมากมายที่ผ่านไปมาหรือแม้แต่รอบข้างใกล้ชิดเรานั้นไม่ได้เห็นถึงการมีตัวตนของคนอีกคนมากนัก และเมื่อไม่รู้จักด้วยแล้ว ความเป็นอื่น การไร้ตัวตนก็ทวีคูณรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างเงียบๆ คนเริ่มมีการแยกตัวเองออกไป พร้อมๆ กับมีความซับซ้อนการจำแนกกลุ่มคน รูปแบบความสัมพันธ์ที่ตัวเองเข้าไปเกี่ยวข้องหลากหลายมากขึ้นรวมถึงการวางตัวที่มากรูปแบบขึ้นเช่นกัน มันน่าเศร้าที่ว่าเราโดดเดี่ยวมากขึ้นเรื่อยๆ จนบางทีแม้แต่กับครอบครัว ก็ยังมีความรู้สึกแปลกแยกได้ จนอยากจะร้องไห้

ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้
“เดี๋ยวไปกินร้านนี้กันมั้ย” กลอว์เดินนำหน้าให้ไอริชาเดินตามไปโดยไม่รอคำตอบ
อันที่จริงมันไม่จำเป็นต้องตอบ สิ่งที่เลือกได้มีเพียงว่าต้องตามมาเท่านั้นแหละ อันที่จริงเธอรู้แต่ต้นว่าถึงพี่สาวจะชวนมากินข้าวเฉยๆ แต่จริงๆ ก็รู้หรอกว่าคงมีเรื่องอะไรที่ต้องพูดแน่
“หม้อไฟนี่สุดยอดเนอะ บี๋กินเยอะๆ สิ สั่งเต็มที่เลย”
เธอไม่กล้าสั่งมากหรอก ในเมื่อแต่ละคนต่างมีเส้นทางเป็นของตัวเอง เงินทองของใครของมัน จะให้ใครมาเลี้ยงอีกคนแบบแต่ก่อนคงไม่ได้แล้ว ซึ่งหมายถึงต้องจ่ายหารสองนี่เอง เธอไม่ใช่น้องสาวตัวเล็กๆ ในบ้านอีกต่อไปแล้ว
“ตอนนี้เพื่อนเป็นไงบ้าง”
“ก็ไม่เท่าไหร่ค่ะ ต่างคนต่างไม่ว่าง เวลาไม่ค่อยตรงกัน”
“อืม อันที่จริง บี๋จะคบกับใครก็เรื่องของบี๋นะ แต่ว่าก็อยากให้ระวังตัวบ้าง”
จะเข้าเรื่องแล้ว...
“อย่างคุณเอล คุณเฟย์ เขาก็เป็นผู้ใหญ่กว่า ผ่านโลกอะไรมาเยอะกว่า บี๋ยังเด็กไม่ค่อยรู้เรื่องความตื้นลึกหนาบางอะไรเท่าไหร่ โดยเฉพาะถ้าเทียบกับคุณเอล พี่ได้ยินมาว่าเขาเคยหย่าร้างมาก่อน”
หย่า.....?
“เพื่อนกัน มันคงไม่เกี่ยวกับสถานภาพการสมรสมั้งคะ”
“บี๋อาจจะบริสุทธิ์ใจ แต่ว่าทางโน้นล่ะ ถึงยังไงก็อยากให้ระวังตัว การที่เด็กสาวบริสุทธิ์ไปไหนมาไหนกับพ่อหม้ายคงไม่ดีเท่าไหร่ ไม่ใช่หม้ายไม่ดี แต่ว่าคนเคยมีประวัติ ก็ต้องเช็กให้ดี การหย้าร้างไม่ใช่เรื่องที่ดีเลย ถ้าไม่มีเหตุผลอะไรก็คงไม่หย่าหรอก แล้วส่วนใหญ่เรื่องการแต่งงานหย่าร้าง ผู้ชายไม่ค่อยอยากเปลี่ยน ไม่ค่อยอยากเปิดเผยนักหรอก มันเป็นการสร้างความลำบากเวลาที่เขาจะไปสานสัมพันธ์กับใครต่อใครที่เขาต้องการ ยิ่งการแต่งที่ผูดมัดสำหรับเขา ยิ่งไม่อยากยุ่งกันเลย เวลาจะมีอะไรกับผู้หญิงคนอื่นก็ลำบาก”
ถ้าพี่มั่นใจว่า พี่ไม่เคยทำอะไรผิดพลาดเลย หนูยินดีจะเลิกคบกับพี่เอล กับคุณเฟย์ เธอนึกในใจ
“ถ้าอย่างนั้น หนูจะกลับไปคิดดูนะคะ”
“คิดอะไร นี่พี่เตือนนะ”
.... แล้วที่บอกว่า เรื่องที่หนูจะคบใครเป็นเรื่องของหนูมันคืออะไร?
“แหม น้ำซุปนี่อร่อยจริงๆ”
แล้วพี่กลอว์ก็ทำเหมือนไม่เคยพูดเรื่องนี้มาก่อน ทั้งที่การที่ไอริชาถูกเรียกว่าก็เพราะเรื่องนี้เป็นสำคัญที่สุดแท้ๆ สิ่งที่ไอริชาเกลียด มีไม่กี่อย่าง ซึ่งการกระทำเชิงจิตวิทยาแบบพี่สาวก็เป็นหนึ่งในนั้นเช่นกัน เหมือนกับว่าเหมือนให้เธอต้องทำตามที่พี่สาวบอกทุกอย่าง บอกแค่นิดเดียวเธอก็เข้าใจไม่ต้องแจงรายละเอียดอะไรมาก ซึ่งในความเป็นจริงไอริชาต้องการการชี้แจงที่ตรงไปตรงมา และถ้าเวลาที่เธอผิดพลาด ก็ต้องการข้อแนะนำ ไม่ใช่การซ้ำเติมอย่างที่คนในบ้านทำ และเธอก็เดาหากเธอคบกับใครสักคนแล้วพลาด ไม่แคล้วที่บ้านคงจะซ้ำเติมเธอค่อยมาแก้ปัญหาเหมือนเธอเป็นตัวสร้างภาระเปล่าๆ อย่างแน่นอน คงไม่มีใครรู้ว่าจริงๆ แล้ว สำหรับไอริชา เฟย์กับเอลนั้นมีความสำคัญเสมือนเป็นครอบครัวของเธอเอง ครอบครัวของคนที่รู้สึกว่าตัวเองเป็นคนไร้ญาติขาดมิตร ไม่มีใครต้องการ และดูไร้ค่า แปลกแยกไปจากคนในกลุ่มอย่างเธอ เป็นคนไร้บ้าน ไร้ที่พึ่งทางจิตใจ
ไอริชากลับมาที่อพาร์ทเม้นท์ในช่วงเวลาดึกไม่น้อย พร้อมกับหัวใจที่รู้สึกชอกช้ำ เหมือนเจ็บแปลบขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ความหดหู่กลับเป็นของระลึกยามไปเจอหน้าพี่สาว ยิ่งมานึกว่าต้องเลิกกับซีราชิเอลอย่างเด็ดขาด พอคิดว่าต้องเลิกกัน ไม่รู้ว่าทำไมน้ำตาถึงเอ่อล้นขึ้นมาได้ ทั้งที่ความจริงความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับซีราชิเอลมันห่างเหินยิ่งกว่าคนรู้จักอีก
“กลับดึกจัง ทำไมพี่สาวไม่มาส่งล่ะ” ชายหนุ่มมารอแถวโซนรับรองแขกอพาร์ทเม้นท์
.... พี่เอลมารอเหรอ เด็กสาวคิดได้รู้สึกตื้นตันใจบอกไม่ถูก
“อย่าร้องไห้เลยนะ อย่าร้องน้า....” เขาเห็นก็ประคองหน้า คอยซับน้ำตาให้ด้วยกระดาบเช็ดหน้านุ่ม เหมือนเขาจะรู้แต่แรกว่าเกิดอะไรขึ้นอย่างนั้น ชายหนุ่มรู้สึกสงสารจับใจที่เธอกลับมาทั้งจิตใจชอกช้ำยิ่งกว่าเดิม
“พี่เอลคะ หนูไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่ว่า พี่เขาบอกให้หนูเลิกคบกับพี่เอล ไม่รู้ทำไมมันเจ็บ....เจ็บเหลือเกิน....”
... เขาไม่พูดอะไร
“พี่เอล....” เธอนิ่งไป ไม่สามารถพูดอะไรออกไปได้อีก เพราะความรู้สึกที่จุกค้ำคอ
“เข้าห้องกันก่อนเถอะ” ซีราชิเอลพาเด็กสาวเข้าไปในห้องของเธอเอง และให้นั่งบนโซฟา ไม่รู้ว่าทำไมเธอต้องเสียใจกับเรื่องแบบนี้ ความจริง เธอจะไม่ต้องสนใจก็ได้ ทำเหมือนไม่ได้ยินลืมไปซะก็น่าจะจบ น้ำตาคงไหลไม่หยุด
“พี่กลอว์ บอกให้หนูเลิกคบกับพี่เอล...” ดวงตากลมคมโตสีเข้าเริ่มแดงๆ จากความเสียใจ “ไม่เข้าใจเลยว่าแค่คนเราเคยผิดพลาดกันบ้าง ต้องถึงขนาดรังเกียจด้วยเหรอ”
“พี่อาจจะแปดเปื้อน มีแต่ความบาปเต็มไปหมดจนเกินกว่าที่ตัวเล็กหรือใครต่อใครรับรู้กันก็ได้”
“แต่ตอนนี้เราไม่ได้อยู่กับอดีตสักหน่อย ไม่เข้าใจเลย ทั้งที่ตัวเราเองก็อยู่กับปัจจุบันแท้ๆ” เด็กสาวน้ำตาไหลพราก
เขาสะอึก อ้ำอึ้งตะลึงไปพักหนึ่ง แต่นั่นแหละ สิ่งที่เด็กสาวพูดมามันก็จริง เขาปฏิเสธไม่ได้เลย ในใจนึก นั่นสินะ...
ไอริชาคงร้องไห้หนัก เขารู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาเช่นกัน ชายหนุ่มถอนหายใจยาวดพื่อสลัดความรู้สึกที่เหมือนมีอะไรหนักจุกในกายเขาออก เดินเข้าไปนั่งข้างๆ
“ตอนที่พี่เจอตัวเล็กครั้งแรก พี่นึกขึ้นมาได้ว่าเหมือนเคยเจอเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งซึ่งเหมือนตัวเล็กมาก”
“?”
“ความฝันตอนนั้น มันนานมาแล้ว หลายปีก่อนที่จะเจอแฟนคนแรก ก่อนที่จะเจอวีนัส จำได้ว่าเคยฝันเห็นเด็กคนนี้บ่อยๆ เหมือนจะขออะไรไว้แต่ก็จำไม่ได้ว่าขอสัญญาอะไร เพราะงั้นล่ะมั้ง พี่ถึงได้รู้สึกคุ้นเคยกับตัวเล็กแม้ว่าจะเจอกันครั้งแรกก็ตาม มันเหมือนกับว่าก่อนหน้านี้ เราเคยคุยกัน เคยสนิทกันมาก่อน ที่ผ่านมาพี่พยายามที่จะตัดใจแล้วหันไปใช้ชีวิตที่คิดว่าน่าจะเป็นสิ่งที่ควรจะเป็น การที่พี่ได้คบกับวีนัส พี่ก็คิดเพียงว่าตัวเองเหนื่อยแล้ว เหงาเกินไป แล้วการที่ลองคบดูคงจะช่วยให้เราได้มีความสุขกับคนอื่นบ้าง แต่สุดท้าย แม้แต่ฉากจบก็ยังไม่สวยงาม วีนัสก็ไปกับคนที่เขารักที่ไม่ใช่พี่ แล้วเราก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลยนับตั้งแต่จดทะเบียนหย่าตอนนั้น เจออีกทีก็ตอนที่พี่อยู่กับตัวเล็กตอนนั้น ตอนที่เจอวีนัสครั้งแรกนั่นแหละ”
“พี่เอล...”
“ไม่ว่ายังไง พี่ก็ต้องขอบใจตัวเล็กที่ช่วยเตือนสติ และก็ขอบใจวีนัสที่ทิ้งพี่มาให้เจอตัวเล็ก” เขาซับน้ำตาด้วยผ้าสะอาดนุ่มนวล “ที่ผ่านมาทั้งหมดในชีวิต ตัวเล็กคือสิ่งที่วิเศษที่สุดสำหรับพี่”
เด็กสาวหน้าแดงซ่าน
“พี่อาจจะไม่ใช่ผู้ชายที่ดี...” ชายหนุ่มเอ่ยหนักแน่นจริงจังแม้ว่าจะไม่ได้เสียงดัง “แต่ทุกอย่างที่พี่ทำ ทุกอย่างที่พี่พูดมันมาจากใจจริง พี่จริงจังกับตัวเล็ก โดยเฉพาะเรื่องที่พี่พูดเมื่อตอนที่อยู่ร้านอาหารวันนี้ก่อนที่จะเจอเรื่องด้วย”
ไอริชาจับจ้องเขาเหมือนรออะไรบางอย่าง
“ตัวเล็ก เรามาทำสัญญากันมั้ย?”
“สัญญา?”
“สัญญาการคบกันของเรา....” ซีราชิเอลเกลี่ยผมบนใบหน้าไอริชาขึ้นทัดหูข้างหนึ่ง ขณะที่เด็กสาวรู้สึกหัวสั่นไหว เหมือนกับว่าสายตาที่จับจ้องของเขาทำเธอหลอมละลายไปทั้งหัวใจ
“คบกันในฐานะคนรักกันอย่างจริงจังเปิดเผย พี่สัญญาว่าจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ตัวเล็กจะอยู่อย่างภาคภูมิใจไม่ต้องอายใครเพราะมีเกียรติศักดิ์ศรียิ่งกว่าใคร ตัวเล็กต้องการอะไรพี่จะให้ สามารถบอกเลิกเมื่อไหร่ก็ได้ที่ต้องการ พี่จะดูแลตัวเล็กเหมือนกับที่ตัวเล็กดูแลพี่ในที่ผ่านมา”
“....” เด็กสาวสีหน้าเศร้า
“ตัวเล็ก?”
“สัญญาของเราทำไมเอาเปรียบพี่เอลขนาดนี้ล่ะคะ”
“ก่อนหน้านี้ พี่ก็เอาเปรียบตัวเล็กไม่ใช่หรือ” ใบหน้าของเขาดูเซ็กซี่เย้ายวนเหลือเกิน “คนที่ขโมยจูบแรกตัวเล็กไปก็พี่นี่นา”
“!?” เจ้าตัวหน้าแดงก่ำ ไหงรู้ล่ะ “น....นั่น มันอุบัติเหตุ หนูไม่ถือหรอก”
“พี่คิดว่าต้องรับผิดชอบ”
“ไม่เห็นต้องขนาดนี้เลย”
“เรายังต้องเรียนรู้กันและกันอีกเยอะนะ แล้วไหนตัวเล็กจะมีปัญหากับที่บ้านกับคนอื่นอยู่ก่อนแล้ว เอาแบบนี้แหละจ้ะ เดี๋ยวตัวเล็กก็รู้เองว่าทำไม อีกอย่างนี่ก็ยุติธรรมที่สุดแล้ว มันเป็นสัญญาการคบหาของเราที่เลือกจะจบเมื่อไหร่ก็ได้ จบสัญญานี้แล้วค่อยว่าอีกทีก็ยังทัน เข้าใจนะ”
ถ....เถียงไม่ออก เด็กสาวนิ่งงันไม่รู้จะว่าอะไรดี
“พี่ยินดีตอบคำถามตัวเล็กด้วยความจริงจากใจ หากว่าพี่ตอบได้” เขากล่าว เพื่อให้เธอสบายใจไม่ต้องรู้สึกว่าต้องจริงจังรีบร้อนอะไรทั้งนั้น ทุกอย่างให้ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป “โอเคนะ? พี่ขอคำตอบได้มั้ย”
ไอริชาสูดลมหายใจลึกๆ ค่อยๆ ระบายออกมาจากปอดอย่างช้าๆ เธอเงยหน้ามองดวงตาสีทองคมสวยที่เปี่ยมล้นไปด้วยเสน่ห์และอำนาจคู่นั้นทั้งตัวเองก็หน้าแดงซ่าน
“ค่ะ จากนี้ไปขอฝากตัวด้วยนะคะ”
ชายหนุ่มแววตาเป็นประกายด้วยความยินดี เมื่อได้รับรู้คำตอบด้วยความสมัครใจของเธอ
“มาทำเรื่องที่ไม่น่าอภัย แล้วมาทรมานด้วยกันเถอะ” เขารู้แล้วว่าเธอยินดีรับผิดชอบในสิ่งที่จะเกิดขึ้นพร้อมกับเขา และพร้อมแล้วที่จะอยู่กับเขาอย่างน้อยจนกว่าพันธะสัญญานี้จะจบลง ชายหนุ่มโอบร่างเธอไว้ แล้วทั้งคู่ก็ปล่อยให้ค่ำคืนนี้ผ่านไปด้วยความรู้สึกเหมือนได้ลิ้มรสความขมของช็อกโกแลตหรือโกโกแท้ที่แม้มันจะขมแต่สุดท้ายมันก็หวานติดลิ้นชวนหลงใหล ซีราชิเอลได้แต่ระบายความในใจที่เขาเก็บซ่อนไว้แต่แรกจนไม่อาจทนเก็บไว้ได้อีกต่อไป
“ไม่รู้จะพูดอะไรดี เหมือนไม่รู้จะหาคำอะไรที่จะให้ความหมายมากว่านี้อีกได้ นอกจากคำว่า รัก พี่รักตัวเล็กนะ ให้พี่อยู่ดูแลรับผิดชอบตัวเล็กนะ พี่รักตัวเล็กที่สุด จนไม่อยากให้ใครอยู่กรายใกล้ตัวเล็ก พี่ยอมรับว่าตัวเองบ้ามากที่ก่อนหน้านี้หึงหวง แต่ก็ควบคุมตัวเองไม่ได้ ตัวเล็กเป็นของพี่คนเดียวเถอะนะ พี่ทรมานเหลือเกินที่ตัวเองจะต้องขาดตัวเล็กไป สงสารพี่เถอะตัวเล็ก”
ไอริชาหัวใจเต้นแรงอย่างบอกไม่ถูก ในที่สุดเหมือนต่างฝ่ายต่างรู้เห็นเป็นใจแล้วก็ตกหลุมรักกันและกัน แม้จะรู้จักกันไม่นานก็ตามที ด้านของชายหนุ่มเองก็รู้สึกว่าตัวเองจะถอยหรือหยุดต่อไปไม่ได้อีกแล้ว ถึงได้แสดงออก ถึงได้มาสารภาพ ยืนหยัดในความในใจของตัวเองแบบนี้
ทั้งสองอยู่นั่งดูพระจันทร์ด้วยกัน พลางคุยกันเล่นบ้าง ก่อนจะผล็อยหลับไป

เพียงเท่านี้ ตราบใดที่ไอริชายังต้องการเขาอยู่ เขาก็จะสามารถเอาถือโอกาสนี้รั้งและครอบครองทั้งหมดของเธอไว้ให้ได้ หัวใจของเขารู้สึกเต็มไปด้วยความหวังและความสุขจนเกือบจะเผลอตัวไป รู้สึกเหมือนสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตได้กลับมาแล้ว... ถ้าหากเกิดอะไรขึ้นเขาก็ไม่ยอมปล่อยเธอไปเด็ดขาด

ไม่นึกว่าเพียงคำตกลงสัญญาคำเดียวเมื่อคืนนั้น มันพลิกอะไรหลายอย่างแก่เธอได้ขนาดนี้
แม้ว่าไอริชาจะตกลงคบหาซีราชิเอลในฐานะที่เป็นคนรักกัน โดยที่แม้จะไม่ได้ปิดบัง แต่ไม่มีใครเอ่ยถึงเรื่องนี้กับคนรอบข้างเลยสักคนเดียว คนรอบข้างของทั้งคู่จึงไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ไอริชาเองก็ไม่ได้รู้สึกติดใจ เห่อ หรือกระตือรือร้นที่จะเอาใจใส่ซีราชิเอลอะไรที่มากขึ้นเป็นพิเศษ เธอคิดว่าเราควรจะเสมอต้นเสมอปลายมากกว่าที่จะหันมาสนใจเฉพาะตอนแรกแล้วมาเบื่อหน่ายก็ห่างๆ กันไป ถ้าแบบนั้นคบกันเป็นเพื่อนยังจะรู้สึกดีกว่าเยอะ สำหรับเด็กสาว ความรักในแง่พฤติกรรมของเธอ มันก็เหมือนกับการลองเดินทางสำรวจอะไรสักอย่าง เมื่อแน่ใจเมื่อไหร่ เราถึงค่อยจะวางใจทุ่มเทกับมันอย่างเต็มที่ ซีราชิเอลเป็นคนที่สมบูรณ์จนเหมือนหาที่ติไม่ได้ ทั้งรูปลักษณ์ท่าทาง ความสามารถ สติปัญญา ซึ่งก็เปรียบได้ในระดับขั้นเทพบุตรแล้วทวีคูณด้วยจักรพรรดิ นิสัยใจคอบางอย่างก็เหมือนมีอะไรบางอย่างคล้ายกับไอริชานิดหน่อยซึ่งบอกไม่ถูกว่าคืออะไร เรื่องประวัติส่วนตัวของชายหนุ่มเด็กสาวก็ไม่ค่อยรู้มากนัก บางอย่างถามไป เขาก็มักจะเอ่ยว่า
“เดี๋ยวก็รู้จ้ะ” ไม่ก็เพิ่มต่ออีกหน่อยว่า “พี่สัญญาจะให้ตัวเล็กค่อยๆ รู้ โดยไม่ตกใจ”
มันขนาดนั้นเลยเหรอ?

อันที่จริง เขาก็เป็นผู้ชายที่ดี เอาใจใส่เธอเสมอเหมือนก่อนที่จะเป็นแฟนกันและตอนนี้ โดยปกติไอริชากับซีราชิเอลถ้ามีเวลาว่างตรงกันก็จะออกไปข้างนอกด้วยกัน บางวันก็มาลองทำอาหารเมนูใหม่ๆ ที่อยากลองด้วยกันบ้าง ไม่ก็ทำกิจกรรมอะไรด้วยกัน หรืออย่างน้อยที่สุดมานั่งคุยกันสัพเพเหระอะไรต่างๆ มากมาย บางทีซีราชิเอลก็มักจะเล่าเรื่องราวอะไรในประวัติศาสตร์ให้ฟังเยอะแยะไปหมด ถ้ามีเธออยากรู้ขึ้นมา วันนี้ก็เหมือนกัน หลังจากที่ทั้งคู่ออกไปเดินดูร้านหนังสือและก็ห้างร้านก็กลับมานั่งพักกัน ช่วงเวลานั้น ไอริชารู้สึกว่าผมยาวดกดำเหยียดตรงสวยราวกับแพรไหมไม่ก็ผมของนางแบบโฆษณาแชมพูชื่อดังของซีราชิเอลดูอย่างไรก็ไม่น่าเบื่อ ยิ่งพอลมพัดโบกให้ผมสวยๆ นั้นปลิวไหวตามแรงลมหรือตามที่เขาเคลื่อนไหว มันดูมีชีวิตชีวาบอกไม่ถูก เหมือนอัญมณีที่ส่องประกายอย่างนั้นล่ะ ชายหนุ่มนอนเล่นบนพื้นที่ปูด้วยสื่อและผ้าห่มผืนน้อยที่พกไว้ห่มเล่นยามเดินทางปล่อยผมยาวสยายคลุมเหมือนสายธารที่ดูดกลืนแสงสว่างมาประดับระยิบระยับ ไอริชาก็เข้าไปใกล้ๆ ยิ่งรู้สึกว่าได้คืบจะเอาศอกพอได้ใกล้แล้วก็เผลอใจลูบเส้นผมสวยๆ นั้น นุ่มเหลือเกิน น่าอิจฉาจังผมสวยกว่าผู้หญิงหลายๆ คนแบบนี้ อยากรู้จังที่ผ่านมาเขาดูแลตัวเองยังไงนะ ถึงดูดีเกินหน้าเกินตาผู้คนบนโลกได้สุดยอดแบบนั้น
“ตัวเล็ก?” เขาถามทั้งมองมาทางคนถูกเรียก
ไอริชาสะดุ้งโหยงเมื่อรู้ตัวว่าทำอะไรและถูกจับได้ เผลอหน้าแดงรีบกลับมาท่าทีสงบเสงี่ยมเจียมตัวทันที
เขานิ่งเงียบไม่พูดอะไร แต่ไอริชารู้สึกเหมือนถูกกดดันอย่างบอกไม่ถูก ปกติผู้ชายเขาไม่ค่อยอยากให้ใครเล่นหัวหรอก ไม่แปลกที่เขาจะโกรธเธอก็คราวนี้ ถึงเขาจะใจดีก็เถอะ แต่ว่าคนเราก็อาจจะมีข้อยกเว้นบ้างล่ะนะ ไอริชานิ่งตัวเกร็งไปจนกระทั่งรู้สึกถึงเส้นผมสวยที่เธอพึ่งสัมผัสนั้นปรกลงมาเกลี่ยร่างเธอทั้งไหล่บ่า ทำเอารู้สึกสยิวบอกไม่ถูก
“ซนจังนะ ตัวเล็ก” น้ำเสียงเรียบเฉย แต่แววตาของเขาแฝงด้วยความซุกซนเร้นเล่ห์ เสน่ห์ร้ายกาจ
ไอริชาพลันหน้าแดงยิ่กงว่าเดิม
“ตัวเล็กน่ารัก....” คำชมของเขายิ่งพาเธอใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลย

ไอริชาเขินอายจนไม่รู้จะทำหน้าอย่างไร ยิ่งได้คิดถึงตอนที่เธอเคยฝันถึงด้วยแล้ว เวลาที่ชายหนุ่มในฝันคนนั้นเอ่ยเธอด้วยน้ำเสียงเฉกเช่นเดียวกับซีราชิเอล
“เด็กดี น่ารักมากจ้ะ”
เธอได้ตระหนักถึงความฝันที่เคยฝันในอดีต พอมานึกๆ ดูแล้ว ความฝันที่เธอเคยฝันจริงๆ มันก็คือภาพความจริงที่เธอจะเจอนี่เอง เพียงแต่ความฝีนที่เธอเห็นเป็นเพียงฉากๆ หนึ่งในชีวิตจริงเธอ ภาพความฝันจึงเหมือนเป็นภาพฉ่ยอนาคตที่ฉายตัวอย่างเรื่องราวอนาคตที่เรียงลำดับกัน แต่เหตุการณ์ไม่ได้เรียงร้อยต่อกันซะทีเดียว เมื่อมาคิดว่าสักวัน เธออาจจะถูกคนที่เธอรักหึงหวงหน้ามืดตามัวกระทำกับเธออย่างร้อนแรงวาบหวิวหัวใจ ความซาบซ่านที่เคยได้รับมันพลันสะกิดหัวใจให้สะดุ้งโหยงหน้าแดงร้อนจนอาจจะร้อนไปถึงทั้งตัวได้ ทำเอาไอริชาก้มหน้างุดไม่กล้าสบตาอีกฝ่ายเลย ส่วนเอลก็งุนงงว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่คิดจะแกล้งต่อ เพราะกลัวเธอจะอายจนงอนเขาเข้า
“เป็นอะไรหรือเปล่าตัวเล็ก?”
“ป....เปล่าค่ะ” หวา นี่เราออกอาอาการขนาดนั้นเลยเหรอ
ชายหนุ่มยิ้มถอนใจยาว “ตอนแรกพี่คิดว่าตัวเล็กจะปฏิเสธที่จะคบกับพี่ล่ะ พอตัวเล็กตอบตกลง พี่แปลกใจทั้งดีใจมากนะ”
“?”
“อันที่จริง พี่ก็นิสัยไม่ค่อยดีเลยนะ รู้ทั้งรู้ว่าที่บ้านตัวเล็กอาจจะไม่ค่อยชอบพี่ แต่พี่กลับให้ตัวเล็กลำบากด้วยการคบกัน แบบนี้ ก็เหมือนเราคบกันทั้งไม่บอกพวกเขานะ”
“พี่เอลล่ะคะ ที่บ้านไม่ว่าอะไรเหรอ”
“พี่ ไม่มีญาติที่ไหนอีกแล้วจ้ะ แม้แต่บ้านก็กลับไปไม่ได้อีกแล้ว....”
เด็กสาวได้ยินรู้สึกเหน็บหนาวหดหู่แทนเขา
“ของหนูน่ะ ช่างเถอะ ที่บ้านหนูบังคับหนูมามากเกินพอแล้ว” เธอทำท่ากลบเกลื่อน
“แต่ตัวเล็กไม่ได้คิดว่าพวกเขาใจร้ายใจดำใช่มั้ย” ชายหนุ่มยิ้ม “ถ้าน้อยใจที่บ้านน่ะ ไม่เป็นไรหรอก คิดซะว่าเขารักตัวเล็กแต่แค่แสดงออกไม่ถูกเฉยๆ เท่านั้นเอง”
“ถ้าเราสองคนถูกจับได้จะทำไงล่ะคะ”
“ถ้าเป็นก่อนเราคบกัน พี่คงยืดอกรับ” ชายหนุ่มทำท่าครุ่นคิด “แต่ตอนนี้ คงต้องบอกว่า เรารักกัน อยู่ด้วยกันแล้ว”
“พ....พี่เอล!!!”
“สงสัยพี่จะพาตัวเล็กเสียคนหรือเปล่านะ” น้ำเสียงเขากระเซ้าเหย้าหยอกเล่น “คราวก่อนก็พาบ้านตัวเล็กวุ่นวาย แถมอยู่กับพี่ ตัวเล็กก็เจอแต่เรื่องเรื่อยเลย”
“พี่เอลต่างหาก ตามใจหนูจนจะเสียคนจนพาพี่แย่ไปอีกคน” ไอริชาแย้ง “แต่ไม่รู้ว่าใครพาใครเสียกันแน่แฮะ หนูเองก็ตัวก่อเรื่องให้พี่เอลต้องเดือดร้อน”
“ไม่หรอก”  ชายหนุ่มปฏิเสธ

ไอริชารู้สึกว่าการที่ได้อยู่กับซีราชิเอลนั้นมีความสุขสบายใจอย่างบอกไม่ถูก จนลืมเรื่องที่ตัวเองเจ็บป่วยออดๆแอดๆ ที่ผ่านมา เรื่องราวอันเจ็บปวด ลืมแม้แต่ความจริงบนโลกที่เธอต้องเผชิญอยู่เป็นอย่างไร อยากจะหยุดเวลาไว้ตรงนี้ แต่ก็ทำได้เพียงแค่อธิษฐานว่าในชีวิตนี้จะมีช่วงเวลาแสนสุขนี้ยาวนานต่อไป

หากการที่เธอได้อยู่กับเขาเป็นบาป เธอยินดีที่แบกตราบาปที่สวยงามนี้ไว้

“ตัวเล็ก...” เอลมองเธอด้วยสายตาเอ็นดูแฝงไปด้วยความเร่าร้อน คนที่มองตากลับรู้สึกหนาวร้อนบอกไม่ถูก “พี่อยากถามอะไรอย่างหนึ่ง ตัวเล็กคิดว่าพี่เป็นคนยังไงเหรอ”
“เอ๋?” เด็กสาวตาโตด้วยความแปลกใจ “พี่เอลก็เป็นคนดี อบอุ่น อ่อนโยน เป็นผู้นำที่พึ่งพาได้ เป็นคนที่เข้าใจหนู...”
เขาถามมากไปมั้ยนะ เธอดูอายจนหน้าแดงไปหมดแล้ว
“ถ้าจู่ๆ ตัวเล็กรู้ว่าพี่ไม่ใช่มนุษย์ จะทำยังไง”
“พี่เอลเป็นอะไรเหรอคะ” ดูท่าทางเธอไม่ตกใจเลย
“อย่าง.... เช่น แวมไพร์ ยักษ์ ปีศาจ เอลฟ์ ภูตพราย อะไรแบบนี้” ไม่รู้จะยกตัวอย่างอะไรได้นอกจากสิ่งเหล่านี้ ทั้งที่ดูเหมือนมันเป็นตัวอย่างที่ส่งเดชในความคิดเขาก็เถอะ
“ถ้าพี่เอลเป็นแวมไพร์ คงเป็นแวมไพร์ที่เซ็กซี่ที่สุดในสามโลกมั้งคะ” เด็กสาวหัวเราะขบขัน เหมือนจะพ่นหัวเราะออกมา
“อยากให้พี่กัดมั้ย” เขาหยอกเล่นทั้งที่ลึกๆ ก็เขิน
“เบาๆ นะคะ ถ้าจะกัด” ไอริชาหัวเราะแก้เขิน
“พี่จะอ่อนโยนที่สุดเพื่อตัวเล็กนะ” เสียงทุ้มต่ำแผ่วเบาชวนวาบหวาม เขาเผยอริมฝีปากเผยเขี้ยวเสน่ห์ทั้งสองข้างนั้นออกมา “ถ้าพี่ดื่ม จะดื่มอย่างคุ้มค่าที่สุด”
เด็กสาวผวา บอกตามตรงว่าในเวลานี้ ถ้าจะให้นิยามซีราชิเอลล่ะก็ บอกได้เลยว่าเขาเป็นหนุ่มสายร้อนแรงเซ็กซี่เย้ายวนมากกว่าจะเป็นสายหวานเย็นนิ่มนวลสุภาพอย่างที่เจอกันครั้งแรก เรื่องเล่นๆ เริ่มกลายเป็นเรื่องที่จริงจังขึ้นมาสำหรับทั้งสองคนเสียดื้อๆ เมื่อต่างคนต่างคิดไปไกล ไอริชารู้สึกวูบวาบ เวลาที่จินตนาการแฟนหนุ่มคลอเคลียตัวเองที่ลำคอ โลมไล้ด้วยปลายลิ้มก่อนฝังคมเขี้ยวสวยลงไป ความเจ็บจิ๊ดแผ่ซ่านลงไปพร้อมกับอาการชาหนาๆ และความสยิวกำจายซ่านลงไปทั่วเรือนร่าง

ตายจริง เราหัดคิดแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ เธอรีบก้มหน้างุด จากที่เพิ่งสีหน้าปกติ กลายเป็นหน้าแดงก่ำร้อนไปทั้งหน้า ส่วนเอลก็กลัวตัวเองจะคิดไปไกลมากกว่าที่เป็น รีบเปลี่ยนก่อนที่จะยั้งความคิดตัวเองไม่อยู่
“เอ่อ อย่าคิดมากเลย พี่แค่อยากรู้ความคิดเห็นตัวเล็ก แต่เมื่อกี้ขอโทษด้วยน้า พี่นิสัยไม่ดีแกล้งตัวเล็กอีกแล้ว”
“พี่เอลทำอย่างกับเป็นเรื่องจริงแน่ะ”
“อืม จะจริงก็ได้นะ”
“พี่เอล!!!”
“อ๊ะ พี่ขอโทษ” ชายหนุ่มตกใจ พอเห็นอีกฝ่ายแง้วๆ ขึ้นมา เขานึกถึงลูกกระต่ายเรียกร้องขออะไรจากเจ้าของอย่างบอกไม่ถูก เขาลอบถอนใจยาวยามคิดว่าสักวันเธอต้องรู้ความจริงที่เกี่ยวกับเขาทั้งหมดอยู่ดี เธอจะทำอย่างไรต่อนะ ตัวเล็กของผม นึกๆ แล้ว เขากลัวว่าสักวันเธอจะกลัวแล้วหนีเขาไป จนอยากจะเก็บเธอไว้ในมือของเขาคนเดียวเท่านั้น จนเขาต้องถามสิ่งที่ค้างคาใจออกไป
“ตัวเล็ก ถ้าสมมติว่า ตัวเล็กเจอความจริงที่เกี่ยวกับตัวพี่ ซึ่งเป็นเรื่องไม่น่าจะยอมรับได้ ตัวเล็กจะทำยังไง”
“....” เด็กสาวมองดู ถึงได้รู้ว่าอีกฝ่ายจริงจังจนเผยความกังวลที่อยู่ในใจออกมา “พี่เอลกลัวอะไรอยู่เหรอคะ”
“กลัวว่าจะเสียตัวเล็กไป” อีกฝ่ายตอบตรงไปตรงมา
“หนูก็ไม่ได้คิดจะไปไหนนี่คะ”
“พี่ก็ยังกลัวอยู่ดี” เขารู้ว่าทุกอย่างมันเปราะบาง ไม่ว่าจะชีวิตของเธอ ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเธอ และหัวใจของเขากับเธอ ถ้าหากไม่คล้ายกับแก้วบางๆ ก็คงเหมือนเนื้อผลไม้อ่อนๆที่พร้อมจะชอกช้ำถูกกรีดฉีกง่ายตามสะดวก
“ถ้าพี่เอลยังเป็นพี่เอลที่หนูรู้จัก หนูก็ไม่มีทางคิดจะไปไหนจากพี่เอลหรอกค่ะ” เด็กสาวกุมมือข้างหนึ่งของเขาอย่างนุ่มนวล
ชายหนุ่มโอบร่างบอบบางไว้แน่น ยิ่งเวลานานผ่านไป หัวใจเขายิ่งอ่อนไหวเหลือเกิน ส่วนไอริชาเองก็ไม่รู้ว่าจะบรรยายถึงอ้อมกอดที่ตัวเองได้รับนี้อย่างไร ณ ช่วงเวลานี้ เหมือนเขาทั้งหวงแหนและกลัว ขณะเดียวกัน มันก็เหมือนมีอารมณ์บางอย่างที่ร้อนแรงแฝงเร้นอยู่ สายตาสีทองคมสวยเหมือนมีเวทย์มนตร์สาดใส่ให้สยบยอม ลุ่มหลง อย่างร้ายกาจที่สุด ทว่าด้วยท่าทีและความบริสุทธิ์ใจของเขาทั้งให้รู้สึกอบอุ่นและวางใจได้ รู้สึกสงบอย่างบอกไม่ถูก ชายหนุ่มเริ่มยอมรับแล้วว่า เขาขาดเธอไม่ได้ รู้สึกว่าเธอเป็นมากกว่าสิ่งที่พิเศษที่วิเศษที่สุดในชีวิต ทั้งยังหวงแหนไอริชาจนอยากเก็บถนอมไว้แต่เพียงผู้เดียว ชายหนุ่มโอบศีรษะเธอให้อิงซบอกเขา
“พี่เอล.... ทั้งๆ ที่เราเพิ่งจะเจอกัน เพิ่งจะรู้จักกันไม่นานแท้ๆ แต่กลับคบหา กลับเหมือนคุ้นเคยมาแต่ก่อนอย่างไรอย่างนั้นเลย”
“นั่นสินะ” เขาเออออไม่ได้คล้อยตามเธอเท่าใดนัก เพราะในใจเริ่มคิด....
อยากจูบเธอ....
“หรือว่า เราเคยสนิทกันมาแต่ปางก่อนหรือเปล่าคะ”
คราวนี้เขาจับจ้องใบหน้าจิ้มลิ้ม ดวงตากลงคมโต และก็ได้สนใจยังริมฝีปากน้อยๆ สวยได้รูปสีอ่อนนุ่มนิ่มราวกลีบดอกไม้กระทั่งสายตาไม่กะพริบ
“เหมือนเคยรู้จักพี่เอลมาก่อน หรือว่าพี่เอลจะเป็นคนที่หนูตามหา...”
“ตามหา?”
“ตามหาคนที่เคยขอสัญญากับหนูเอาไว้ สัญญานั้น....”
“ให้พี่เป็นของตัวเล็กเถอะ คนนั้นที่ตัวเล็กพูดถึงเป็นพี่คนนี้ได้มั้ย”
? เด็กสาวตาโตด้วยความประหลาดใจ ซึ่งก็เจอดวงตาสีทองคมสวยนั้นสะกดใจเข้าแล้ว
“พี่แน่ใจแล้ว...พี่ไม่ได้แค่แค่ชอบ แต่พี่ทั้งรักทั้งหลงตัวเล็ก....”
อีกฝ่ายหน้าแดงเป็นคำตอบรับ
ทั้งคู่ต่างสบประสานสายตากันท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบสงบในสวน ยิ่งบรรยากาศที่นี่ลมโกรกสบาย มีกลิ่นดอกไม้อบอวล ทั้งยังร่มรื่นชวนให้หลับสบายๆ สักตื่นด้วยแล้ว ดวงตาสีทองคมกริบหรี่มองอย่างสิเนหา มันเกินกว่าที่จะหักห้ามใจไว้ได้เมื่อได้ใกล้ชิด แล้วเข้าถึงกันมากขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นว่าทำให้ต่างคนต่างเผลอ
ชายหนุ่มยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ โน้มลงคลอเคลีย สูดกลิ่มหอมอ่อนๆ จากเรือนกายด้วยความหลงใหล สัมผัสความเส้นผมที่แสนนุ่มละเอียดหนาราวแพรไหมชั้นเลิศทั้งกลิ่มหอมละมุน สัมผัสจุดเหล่านี้ด้วยริมฝีปากของเขา แล้วเริ่มจูบลำคอระหง พวงแก้มนวลเนียน จนเด็กสาวรู้สึกถึงการสั่นไหวของตัวเองจนหวั่นไหวไปในลึกๆ ของหัวใจ
“เป็นเด็กดีนะ....” เหมือนเป็นทั้งคำสั่งและคำชมในเวลาเดียวกัน ซีราชิเอลเอ่ยมันอย่างแผ่วเบา ทว่ามีอำนาจต่อผู้ฟังเหลือเกิน จนเด็กสาวรู้สึกวาบหวามและก็เชื่อฟัง
“พี่แค่อยากจะลองอะไรนิดหน่อยเท่านั้นเอง นิ่งๆ อย่าขยับ ไม่ชอบก็สั่งว่า [หยุด] ตกลงนะ เด็กดี”
“พ... พี่เอล”
เอวคอดเล็กๆ ถูกโอบด้วยอ้อมแขนแข็งแรง ร่างบอบบางถูกทำให้ต้องซบอิงแผ่นอกแกร่งอย่างปฏิเสธไม่ได้ รูปหน้าเทพบุตรก้มลงมา ค่อยๆ เข้าหาเธอช้าๆ
ว่าแล้วเขาก็เริ่มปฏิบัติการในสิ่งเธอไม่คาดคิดมาก่อน หลังจากทำเอาหัวใจหวั่นไหว เขารั้งร่างบอบบางเข้ากระชับแนบแน่น จากนั้น ทำการละเลียดรสริมฝีปากสีหวาน ก่อนจะรุกล้ำเข้าไปอย่างนิ่มนวลด้วยปลายลิ้นเพื่อรับรสหวานจากเธอ เวลานั้นเองไอริชารู้สึกปั่นป่วนไปหมด โดยเฉพาะที่ท้องน้อยซึ่งรู้สึกซาบซ่านกำจายไปทั่ว จนเรี่ยวแรงไม่มีแล้ว กระทั่งมือไม้สั่นระริกจนไปถึงทั้งร่างกาย แม้แต่แรงที่จะยึดกำเสื้อเขาไว้ก็ยังไม่มี พอเขาโถมซัดด้วยจุมพิตอีก คราวนี้เธอก็แทบร่วงรูดลงไปนอนถ้าไม่มีอ้อมแขนนั้นคอยประคองรั้งร่างเธอไว้
พี่เอล.....พี่เอล.... ไอริชานึกอะไรไม่ออกแล้ว
จูบของจริงของพี่เขา มันแบบนี้เหรอ ต่างกับตอนนั้น ตอนที่เขาละเมอขโมยจูบเราไปอีก แค่ตอนนั้นก็ทำเราใจละลายจนจะลุกไม่ขึ้น มาตอนนี้ เราจะหมดสติอยู่ตรงนี้มั้ยนะ
“อ๊า....” เด็กสาวพยายามใช้จมูกเล็กๆ น่ารักสูดอากาศให้เต็มปอดทั้งสภาพซบแผ่นอกแกร่งกว้างของเขา หลังจากชายหนุ่มถอนจุมพิตออกมาสักพักแล้ว
น่ารักเหลือเกินตัวเล็ก เขามองอย่างพึงใจ ทั้งยังกอดเธออยู่
“พี่เอล....” เธอเพิ่งจะรู้นี่เองว่า ทำไมในสัญญาเอาเปรียบเขานัก ที่แท้เขาช่างเอาเปรียบเธอแบบนี้เอง จำเป็นต้องบอกตามความจริง “หนูไม่มีแรงค่ะ”
“แย่จริง พี่เผลออีกแล้ว”

พลันเสียงดนตรีจากสายเรียกเข้าก็ดังขึ้น
!!!!!!!

อีกปลายหนึ่งของด้ายแดงDonde viven las historias. Descúbrelo ahora