ผมโยนส้มสองลูกที่เพิ่งได้มาจากคุณพยาบาลคนสวยสลับไปมาแก้เบื่อ คุณพีขอไปพบคุณหมอที่นับถือท่านหนึ่ง แล้วให้ผมนั่งรออยู่ตรงเก้าอี้ กำชับเสียงเข้มว่าอย่าเดินไปไหน เขากลัวว่าผมจะหลง เฮ้อ... ผมไม่ใช่เด็ก ๆ สักหน่อย ผมถอนหายใจยืดยาว
พอโยนส้มขึ้นไปอีกครั้ง ทว่าคราวนี้ผมกลับรับพลาด เจ้าส้มลูกใหญ่หลุดจากมือของผมมันกลิ้งไปตามพื้นหินอ่อนสีขาวสะอาดตา ผมรีบลุกขึ้นเดินตามเจ้าส้มลูกใหญ่กลมเกลี้ยงอย่างไม่ลดละ ยิ่งพื้นราบเรียบมากเท่าไหร่ส้มของผมก็ยิ่งกลิ้งไปไม่มีทีท่าว่าจะหยุดพักเลย บวกกับสภาพร่างกายของผมยังไม่เอื้อให้ผมเดินเร็วมากกว่านี้ ซึ่งตอนนี้ผมไม่ต้องพึ่งพาไม้ค้ำยันแล้วผมสามารถเดินได้แต่แค่ยังช้าอยู่
จนสุดท้ายก็มาหยุดอยู่ตรงส้นรองเท้าสีขาวของใครบางคน ผมมองด้วยใจระทึกและภาวนาขออย่าให้เขาถอยหลังมาเหยียบส้มของผมเลย ผมจะบอกเขาดีไหมนะ
'คุณครับระวังส้มของผมด้วย'
หรือแบบนี้ดี
'คุณครับอย่าถอยมาเหยียบส้มของผมนะ...'
แต่ไม่ดีกว่าดูเหมือนเขากำลังคุยกับนางพยาบาลที่เคาร์เตอร์ ผมจึงก้าวเข้าไปอย่างช้า ๆ เงียบ ๆ ผมหยุดยืนอยู่ด้านหลังของเขาประมาณช่วงแขน แผ่นหลังของเขากว้างมาก กล้ามเนื้อตรงหัวไหล่ที่ดูแข็งแรงนูนเด่นชัดจนทลุเสื้อเชิ้ตสีดำ เขายังสูงมากอีกด้วย ผมสูงไม่ถึงช่วงไหล่ของเขาด้วยซ้ำ ท่าทางชาติที่แล้วคงทำบุญด้วยเสาไฟฟ้าแน่เลย ผมเม้มปากกลั้นขำที่จู่ ๆ ก็คิดประโยคนี้ขึ้นมาได้ ก่อนที่ผมจะหลุดหัวเราะออกมาจนทำให้เขาหันมามอง ผมจึงรีบก้มลงเก็บส้มตรงรองเท้าของเขา
แต่เอ๊ะ? ด้านหลังรองเท้าของเขา... ทำไมเหมือนกับรองเท้าที่ผมใส่อยู่เลย เหมือนกันเปี๊ยบอย่างกับเป็นคู่กัน ผมจ้องมองไม่กะพริบตาด้านหลังที่ปักด้วยด้ายสีแดงตัวพีสองตัวเหมือนกันเป๊ะ ผมขมวดคิ้วมองด้วยความสงสัย แต่คงไม่แปลกอะไรหรอกมั้งรองเท้าแบบนี้ใคร ๆ ก็คงมีกัน ในขณะที่ผมมัวแต่ครุ่นคิดกับรองเท้า เขาก็หันไปทักทายใครบางคน
أنت تقرأ
รอตะวันมาพบรัก
عاطفيةผมไม่เคยรู้เลยว่าเพื่อนสนิทแอบรัก ผมคงสมองปลาทองอย่างที่มันชอบว่าจริง ๆ