"อาพงศ์..." เด็ก ๆ เปิดประตูให้ภานุพงศ์ เข้ามา พร้อมกับยกมือไหว้ผู้เป็นอาอย่างน่ารัก เขาย่อเข่าลงเพื่อพูดกับหลานแฝดชายหญิง พร้อมกับหอมที่แก้มเด็ก ๆ อย่างเอ็นดู ในมือถือของพะรุงพะรังมากมาย
"น้าทีล่ะ" เขาเอ่ยถามถึงอีกฝ่าย อดแปลกใจไม่ได้ทำไมถึงปล่อยให้หลาน ๆ อยู่กันเอง เขานึกตำหนิอยู่ในใจ
"น้าที ยังนอนอยู่เลยค่ะ"
ต้นน้ำบอกเสียงเจื้อยแจ้ว เด็กแฝดเดินนำภานุพงศ์เข้าไปในบ้าน
"น้าที...อาพงศ์มาาา..."
เจ้าเขื่อนกับต้นน้ำส่งเสียงเรียกนทีที่นอนไม่กระดิก สภาพที่ภานุพงศ์เข้ามาเห็น ร่างเล็กที่นอนเหยียดยาว แขนข้างหนึ่งตกจากโซฟาอีกข้างยกอยู่เหนือศีรษะ
เสื้อกล้ามสีขาวตลบเปิดขึ้น มองเห็นยอดอกรำไรที่ซ่อนอยู่ใต้เสื้อที่ปกปิดเอาไว้หมิ่นเหม่ กล้ามหน้าท้องที่ควรจะแน่นเป็นลอนแบบชายทั่วไป กลับแบนราบขาวเนียน กางเกงขาสั้นสีดำขากว้าง ที่เจ้าตัวยกชันเข่าพิงกับพนักโซฟา ขากางเกงตกลงมากองที่โคนขาจนเห็นเรียวขาขาว นอนหลับลึกแม้แต่เขาเข้ามาก็ยังไม่รู้สึกตัว แบบร่างที่วางไว้ไม่เป็นระเบียบ
ชายหนุ่มรีบเบือนหน้าหนีเมื่อสายตาของตัวเองเอาแต่จับจ้องไปยังเรียวขาของคนที่นอนหลับไม่รู้เรื่อง ทำเขาหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาเสียอย่างงั้น
"เด็ก ๆ ไปอาบน้ำแล้วมากินข้าวกันนะ อาซื้อโจ๊กเจ้าอร่อยมาฝาก" ภานุพงศ์บอกให้เจ้าเขื่อนกับต้นน้ำไปอาบน้ำ เด็ก ๆ ทำตามอย่างว่าง่าย
เขาเดินเข้าไปสำรวจในครัว สภาพที่เห็นถึงกับผงะ ถังขยะที่ส่งกลิ่นเหม็นเน่า บนโต๊ะกินข้าวมีทั้งแก้วใช้แล้วที่ยังไม่ล้าง กระป๋องเบียร์ น้ำอัดลม ที่กินแล้วไม่ทิ้ง ในซิ้งค์น้ำมีช้อนที่ยังไม่ได้ล้างอยู่นับสิบคัน เขาส่ายหัวกับความสกปรก
ภานุพงศ์เปิดตู้เย็น ในตู้อัดเต็มไปด้วยอาหารสำเร็จรูป เบียร์ น้ำอัดลม มีแต่ของกินที่ไร้ประโยชน์ เขาจัดการเทโจ๊กเจ้าอร่อยใส่ชามที่ต้องนำมาล้างอีกรอบถึงใช้ได้ เด็ก ๆ อาบน้ำเสร็จแล้วมานั่งรอเขาที่โต๊ะกินข้าว ส่งเสียงคุยเล่นกันสนุกสนาน
"โจ๊กอร่อยจังฮะอาพงศ์" เจ้าเขื่อนบอกกับอาชายที่กำลังง่วนกับการล้างทำความสะอาดครัวอยู่กับซิ้งค์น้ำ
"อร่อยเขื่อนก็กินเยอะ ๆ นะ อาซื้อมาเยอะ"
"เมื่อไหร่แม่จะกลับคะอาพงศ์ น้าทีบอกว่าแม่ไปธุระ ต้นน้ำคิดถึงแม่ค่ะ"
"ใช่ฮะ เขื่อนก็คิดถึงแม่" ผู้เป็นอาถึงกับชะงัก พูดไม่ออกเหมือนมีอะไรติดอยู่ที่ลำคอ หลานแฝดที่กำพร้าทั้งพ่อแม่ ยากจะอธิบายให้เด็ก ๆ เข้าใจ
"แม่เขาไปนานน่ะ เขื่อนกับต้นน้ำไม่ต้องรอแม่นะ อาจะอยู่เป็นเพื่อนเอง" เขายิ้มอ่อนโยนระคนสงสารหลานแฝดจับใจ
"จริงเหรอฮะ เย้!" เด็ก ๆ ดีใจที่อาจะอยู่ด้วย เด็กน้อยทั้งสองเล่นกันตามประสาเมื่อกินข้าวเสร็จ บางครั้งก็ไปช่วยวุ่นวายจะถูบ้านกับผู้เป็นอา
ภานุพงศ์ไล่ทำความสะอาด ตั้งแต่ชั้นบนจนถึงห้องรับแขก เจ้าของบ้านยังคงนอนเหยียดยาว เสียงเครื่องดูดฝุ่นที่กำลังทำงาน ทำให้ร่างเล็กรู้สึกหงุดหงิดที่ถูกรบกวน
"แม่ง! ใครว่ะ! ทำเหี้ย! อะไรเสียงดังคนจะนอน!" นทีคว้าหมอนอิงมาปิดที่หู
"คุณนที ถ้าคุณตื่นแล้วก็ลุกเถอะ มันเที่ยงจนจะครึ่งแล้วนะครับ"
"เสียงใคร?" นทีลืมตาผงกศีรษะขึ้นมองผ่านเลยโต๊ะกระจกตัวเตี้ยขมวดคิ้วเข้าหากันเพ่งสายตามอง เห็นภานุพงศ์ ใช่เขาจริง ๆ เหรอ คนคนนั้น คนที่เป็นธุระช่วยงานศพพี่สาวให้ผ่านไปได้ด้วยดี แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ชอบอีกฝ่ายอยู่ดี
ร่างสูงที่สวมผ้ากันเปื้อน มือใหญ่จับเครื่องดูดฝุ่นไปมาบนพื้นไม้ปาเก้สีน้ำตาล หันหน้ามาบอกเขาให้ตื่น
นทีเด้งตัวลุกขึ้นนั่งหายง่วงเป็นปลิดทิ้งทันทีที่เห็นชัดว่าเป็นภานุพงศ์ รู้สึกอับอายขายหน้าที่อีกฝ่ายมาเห็นสภาพตัวเองในเวลาแบบนี้ มือเล็กยกขึ้นมาลูบผมที่ฟูยุ่งเหยิงแก้เก้อ
"ถ้าจะขนาดนี้ ไม่ขัดห้องน้ำให้เลยล่ะ!" พูดประชดเขาไปแบบไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะทำเสร็จแล้ว
"ผมขัดแล้ว เหลือห้องนี้ล่ะเพราะติดที่คุณนอนอยู่ คุณไปอาบน้ำแล้วลงมากินข้าวเถอะ ผมซื้อโจ๊กมาเผื่อคุณ แต่อุ่นก่อนนะ"
ภานุพงศ์สั่งราวกับเป็นผู้ปกครองของเขา นทีได้แต่อ้าปากหวอ พูดต่อไม่ถูกในขณะที่คนตัวสูงกลับเข้าไปในครัวพร้อมหิ้วถังน้ำกับไม้ถูพื้นพร้อมลงมือที่จะถูทันที เมื่อเขาย้ายตัวเองออกจากห้องนี้
นทีนั่งกินโจ๊กร้อน ๆ ในชามอย่างอร่อย
ภานุพงศ์ทำทีเก็บของเข้าตู้เย็น หยิบเข้าหยิบออก เจ้าของบ้านมัวแต่กินโจ๊กไม่ทันสังเกตว่าเขาทำอะไรอยู่
ภานุพงศ์แอบหันมองนที เห็นแบบนั้นก็อดยิ้มออกมาไม่ได้
"ยิ้มอะไร!?" นทีเห็นภานุพงศ์ยิ้ม ยิ้มแบบนั้นแบบที่เขาไม่ชอบ ก่อนจะเบ้ปากให้เขา
"คุณเห็นเหรอว่าผมยิ้ม"
"ก็เห็น ๆ อยู่ว่ายิ้ม หิวหรอกนะถึงกินรสชาติก็งั้น ๆ แหละ"ภานุพงศ์เดินมามองชามโจ๊กที่เจ้าตัวแทบจะเลียชามกินอยู่แล้ว พลางนั่งลงตรงข้าม
"คุณไม่ควรให้เด็ก ๆ กินอาหารสำเร็จรูป พวกเขากำลังอยู่ในวัยที่ต้องการสารอาหารให้ครบถ้วน"
"นี่นายจะให้ฉันลุกมาหุงข้าวเหรอ แค่เวลานอนฉันยังจะไม่มีเลย ส่วนบ้าน ฉันจ้างคนมาทำความสะอาดอาทิตย์ละครั้ง มันไม่ได้รกอย่างที่นายเห็นแบบนี้ทุกวันหรอกนะ" นทีแจกแจงให้เขาฟัง รู้สึกเหมือนถูกซักไซร้ไล่เลียงความผิด
"แล้วนี่เด็ก ๆ ไปไหนกัน" เอ่ยถามหาถึงหลานแฝดที่บ้านดูเงียบเชียบ
"เล่นกันจนเหนื่อย นอนอยู่ในห้อง"
"...ออ นี่ก็บ่ายโมงกว่าล่ะ ฉันไปเคลียร์งานของฉันต่อดีกว่า" ว่าแล้วก็ลุกออกจากโต๊ะกินข้าว
"คุณควรเก็บชามข้าวของคุณด้วย" น้ำเสียงเข้มดุออกคำสั่ง
นทีชะงักเท้าหยุดเดิน เขามีสิทธิ์อะไรมาออกคำสั่งกับเจ้าของบ้าน ร่างเล็กหันหน้ามายิ้มกวนเลิกคิ้วท้าท้าย
"ไม่เก็บ!"
"แน่ใจ?"
"...ใช่!"
ภานุพงศ์ยิ้มนิด ๆ นทีเห็นแล้วนึกเกลียดรอยยิ้มนี้เสียจริง มันเหมือนมีอะไรอยู่ในรอยยิ้มนั้น
"...ดี ผมจะสอนให้คุณล้างจาน"
นทีขมวดคิ้วงุนงง ภานุพงศ์ก้าวขาอ้อมโต๊ะกินข้าวอย่างช้า ๆ นทีเหมือนจะรู้ตัว แต่ช้ากว่าชายหนุ่มเขาพุ่งตะครุบคว้าร่างเล็กแน่นด้วยแขนแกร่ง
"เฮ้ย!? ไรเนี่ยปล่อยนะเว้ย!" นทีร้องเสียงหลงไม่คิดว่าเขาจะมาไม้นี้พยายามดิ้นและผลักอีกฝ่ายสุดแรง ทว่าร่างเล็กกลับถูกกอดจนจมไปกับอกกว้างของเขา สรีระที่ตกเป็นรองอีกฝ่ายยิ่งดิ้นก็ยิ่งรู้สึกราวกับโดนงูรัด
"หยิบชามข้าว" เขาสั่งเสียงเข้มอยู่ข้างหูพร้อมกับกอดรัดแน่นขึ้น
นทีดื้อนิ่งไม่ทำตาม
"ถ้างั้น...ก็อยู่แบบนี้ล่ะ" ภานุพงศ์บอกหน้าตาย
"แม่ง! บ้าป่ะเนี่ย!" นทีสบถหยาบออกมา
"พูดไม่เพราะ ผมมีวิธีสอนคนดื้อให้พูดเพราะนะ จะลองไหม?" นทีเม้มปากแน่นทันที
มือเล็กจำใจต้องเอื้อมหยิบชามข้าวที่ตัวเองกินมาล้าง โดยมีภานุพงศ์กอดเอวแน่นอยู่ด้านหลัง นทีไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้าเขา ขาก้าวเดินแบบทุลักทุเลมาที่ซิ้งค์น้ำ ที่ถูกขัดจนเงาวับไม่เหลือคราบสกปรกให้เห็น นทีแทบอยากจะบ้าไม่เคยเจอใครแบบนี้
รักสะอาดจนขึ้นสมองรึไง
นทีแอบด่าภานุพงศ์อยู่ในใจ
"ฉันล้างแล้ว ปล่อยได้ยัง"
"ล้างให้สะอาด"
เขาพูดอยู่ข้างหู นทีรู้สึกร้อนผ่าวที่หน้า
"คราวหน้าถ้าคุณยังไม่ล้างจานข้าวตัวเองผมก็จะทำแบบนี้กับคุณอีก"
ฝันไปเถอะว่าจะมีโอกาส
แอบคิดอยู่ในใจ
ภานุพงศ์ปล่อยอ้อมแขนที่กอดอีกฝ่าย นทีหันมาผลักที่แผงอกของเขาจนเซ แล้วรีบจ้ำเดินออกจากห้องครัวอย่างหัวเสีย ภานุพงศ์เผลอยิ้มออกมา
BINABASA MO ANG
ตกบ่วงรักเชฟสุดหล่อ
Romanceฉัน นที! ไม่มีทางรักนาย! ผมจะคอยดู... [กำลังอยู่ในช่วงรีไรท์นะคะ ^^ ]