6 ปีผ่านไปไวเหมือนโกหก ท่าทางไรท์จะขี้เกียจนะครับเนี่ย(เฮ้ย!! ไรท์ป่าวนะ ก็อยากเขียนแต่เนื้อๆ ไม่เอาน้ำไง อย่าใส่ร้ายกันดิ) ช่างไรท์เหอะครับมาเล่าเรื่องต่อกันดีกว่า
ต่อไปนี้ผมแบมแบมจะเป็นคนเล่าเรื่องเองนะครับ เพราะตั้งแต่ม๊ามิ๊เริ่มทำงานก็ไม่ค่อยจะมีเวลาสักเท่าไรน่ะครับ ตอนนี้แบมโตเป็นหนุ่มแล้วนะครับแถมยังหล่ออีกด้วยนี่ไม่อยากจะคุย ตอนนี้ผมกำลังจะได้เป็นเฟรชชี่ของมหาลัย JYP ที่ม๊ามิ๊กับป๊าปิ๊เคยเรียนด้วยล่ะ ตอนแรกผมก็กะว่าจะไปกลับเอา แต่ม๊ามิ๊บอกว่าไม่ค่อยได้อยู่บ้านเลยอยากให้ผมมาอยู่หอกับเพื่อนๆ ดีกว่า คิดไปคิดมาก็ดีเหมือนกันม๊ามิ๊เข็มงวดจะตาย เผื่อผมอยากกลับดึกจะได้ไม่ต้องนั่งฟังม๊ามิ๊บ่นด้วย ฮิๆ แต่ยังไงถ้าม๊ามิ๊หรือป๊าปิ๊กลับมาก็คงจะโทรเรียกผมกลับไปนอนบ้านอยู่ดีนั่นแหละ ทำไงได้ก็มีลูกหน้าตาดีออกขนาดนี้ ฮ่าๆๆ
อ่อ...จริงด้วยผมยังไม่ได้เล่าให้ฟังนี้ว่าตอนนี้ม๊ามิ๊กับป๊าปิ๊เปิดบริษัทนำเข้าน่ะครับ เลยต้องไปติดต่องานที่ต่างประเทศบ่อยๆ เพราะตอนนี้บริษัทก็กำลังไปได้สวย คราวนี้ที่บ้านเลยมีผมอยู่คนเดียวไง เรื่องมันก็เป็นแบบนี้ล่ะครับ
สัปดาห์หน้าผมก็ต้องเข้าไปมอบตัวแล้ว แต่ผมยังหาที่พักไม่ได้เลยเนี่ยสิ ตอนแรกว่าจะอยู่กับยูคยอมแต่หมอนี่ดันบอกว่าต้องไปกลับเพราะคุณพ่อคุณแม่มันเป็นห่วง พอถามยองแจหมอนี่ก็บอกจะไปกลับเพราะบ้านมันอยู่ใกล้มหาลัยนั่งรถไม่ถึงสิบนาทีก็ถึง ความซวยเลยมาตกอยู่ที่คนหน้าตาดีอย่างงี้ไง แต่เห็นยูคยอมบอกว่ารู้จักรุ่นพี่คนหนึ่งมันบอกว่าจะถามเรื่องหาที่พักให้ พวกคุณสงสัยใช่มั้ยว่าทำไมผมต้องวุ่นวายเรื่องที่พักอะไรขนาดนั้น ผมไม่ได้เรื่องมากนะครับแต่ม๊ามิ๊น่ะสิ บอกว่าไม่อย่างให้ผมพักที่หอคนเดียวเรื่องมันเลยวุ่นอย่างที่เห็นไง
ครืดดดด...ครืดดดดดด
โทรศัพท์ที่ตั้งระบบสั่นเอาไว้ดังอยู่ที่โต๊ะข้างๆ ผมเลยคว้ามาดูหน้าจอว่าใครโทรมา อ่านชื่อที่โชว์อยู่ที่หน้าจอก่อนจะกดรับและกรอกเสียงลงไป