บทที่ 10 : สะพานเหล็กไวท์ฮันเซ่น (1)

34 0 0
                                    

ถ้านับจากตอนที่เวอร์เน่ฟื้นขึ้นมาเวลาก็ไปผ่านห้าวันแล้ว ในช่วงสองวันแรกผมหลับเป็นตายชนิดปลุกไม่ตื่นเพราะเลิกใช้ยาต้านความง่วง จนเมื่อลุกขึ้นมาในเช้าวันที่สาม ท่านอาลามัสก็เรียกผมไปพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องการขึ้นเป็นหัวหน้าทีมประลอง การสนทนาระหว่างตรวจตรารอบๆ โรงเรียนทำให้ผมตกเป็นเป้าสายตาอย่างช่วยไม่ได้ พวกนักเรียนทั้งหลายต่างพากันตกใจ บางคนมองมาด้วยความอิจฉา บางคนก็ดูเหมือนกำลังหมั่นไส้ ส่วนกลุ่มอาจารย์นั้นแสดงอาการโกรธเกรี้ยวออกมาจนรู้สึกได้

คงไม่มีใครคาดคิดว่าสุดท้ายแล้วผมจะไปยืนอยู่ตรงนั้น สวมเครื่องแบบของหัวหน้าทีมประลองอันทรงเกียร์ติ แล้วเดินเคียงข้างผู้อำนวยการขณะตรวจแถวกำลังรบที่ถูกส่งมาเสริมจากเมืองหลวง วัดจากสายตาของพวกคนในโรงเรียน ก็ทราบได้ทันทีว่าระดับความนิยมของผมกับเวอร์เน่แทบจะไม่ต่างไปจากเดิม แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นที่ผมต้องใส่ใจ หรือในอีกความหมายหนึ่งก็คือ ผมเลิกสนใจเรื่องนี้ไปนานแล้ว

|ฉันจะให้คนรีบส่งตัวเธอไปที่ไวท์ฮันเซ่น ขั้นตอนต่างๆ หัวหน้าขบวนคุ้มกันจะเป็นคนจัดการตอนไปถึงแล้ว| ท่านอาลามัสกล่าวขึ้นหลังตรวจแนวป้องกันเสร็จ บนใบหน้าของผู้นำโรงเรียนดูอ่อนแรงเพราะต้องคอยจัดการเรื่องต่างๆ นานเกินหนึ่งสัปดาห์

|แต่พิธีสลักมนต์ฝังสัญญาต้องไปทำที่เมืองหลวงไม่ใช่เหรอครับ| ผมถามเพราะจำได้ว่าชื่อสะพานที่ท่านอาลามัสพูดถึงเป็นเพียงทางผ่าน

|ตอนนี้พลังเวทของเธอรุนแรงและแปรปรวน ภาชนะเก็บกักพลังก็มีรอยร้าว ภายในป้อมของที่นั่นมีอุปกรณ์ที่ช่วยจัดการปัญหานี้ให้เธอได้|

พอทราบถึงความจำเป็นแล้วผมก็พยักหน้า

จากข้อมูลนี้กับคำแนะนำของคุณเกรต้า สาเหตุที่ผมต้องแวะหยุดที่ป้อมปราการดังกล่าวเป็นเพราะการปะทุของพลังเวทภายใน หากไม่รีบหยุดสิ่งนี้ให้ทัน เมื่อเกิดภาวะพลังเวทเกินขึ้นมา มันจะทำให้แผลตรงหน้าอกของผมขยายตัวไม่หยุด จนการรักษาที่ผ่านมาตลอดสองเดือนสูญเปล่า กรณีเลวร้ายที่สุดก็คือต้องเจ็บปวดจนขาดใจตาย ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นผลกระทบจากการฝืนทำพิธีการสาบานตน

Rubika Legend : อัจฉริยะรูบิคข้ามมิติWhere stories live. Discover now