บทที่ 10 : สะพานเหล็กไวท์ฮันเซ่น (2)

33 0 0
                                    

พอเป้าหมายหลักของการมาที่นี่ลุล่วง ผมก็อยากกลับไปยังค่ายพักของนักเดินทางทันที มันไม่ได้เป็นเพราะความเหนื่อยล้าหรืออยากอาหาร แต่เป็นเพราะไม่อยากให้เวอร์เน่ต้องอยู่ตรงนี้นานนัก

|นี่คือข้อมูลการจำแนกพลังของเธอ| หัวหน้าเซเวลยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งให้ผมหลังจดรายละเอียดบนแผ่นหินเสร็จ

ผมรับกระดาษนั้นมาโดยไม่พูดอะไร ก่อนจะจูงมือเพื่อนสาวเดินออกไปจากห้อง ไม่คิดแม้แต่จะกล่าวลาชายผมสั้น

ปัญหาที่เกิดขึ้นจากแบ่งชนชั้นวรรณะเป็นเรื่องน่าปวดหัว ในพัซซ์เวิลด์มีการแบ่งผู้มีพลังเวทมากให้อยู่สูงกว่าผู้มีพลังเวทน้อย แยกคนมีความสามารถให้เป็นกำลังทหาร และแยกคนด้อยพลังให้กลายเป็นชาวบ้าน ผู้ที่เกิดในตระกูลเก่าแก่มักเลือกแต่งงานกับคู่ครองซึ่งมีคุณบัติใกล้เคียงกัน แต่ทั้งหมดทั้งมวลนั้นใช้ไม่ได้กับคนที่เป็นปฏิกูลสงครามอย่างเวอร์เน่ เพราะต่อให้มีพลังเวทมากกว่าปกติจากการผสมข้ามเผ่า สถานะทางสังคมของเด็กสาวก็ยังคงเทียบเท่าจัญฑาลในศาสนาฮินดูของโลกเดิมอยู่ดี

แม้เวอร์เน่จะได้รับการคุ้มครองจากบารมีของท่านอาลามัส แต่ความโกรธเกลียดในใจของผู้คนก็ไม่ได้ถูกลบออกไป ตลอดทางจากหน้าวิหารไปจนถึงกองไฟของค่ายพัก ทหารยามหลายคนทั้งกลุ่มที่รักษาการบนกำแพงป้อมและพวกที่ยืนประจำการอยู่ด้านล่าง ต่างจ้องมองผมกับเพื่อนสาวด้วยแววตาประหลาด มันคงดูแปลกดีเมื่อปฏิกูลสงครามเชื่อมจิตอยู่กับเด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลในชุดหัวหน้าทีมประลอง เพราะทั้งหมดมันไม่เกี่ยวข้องกันเลยสักนิดเลย

จบจากการแยกกันไปอาบน้ำและทานอาหาร แทนที่จะนอนใกล้กองไฟเหมือนกับผู้เดินทางคนอื่นๆ ผมกลับแยกตัวมานอนบนรถลากคันเดิมพร้อมฟูกและหมอนที่มีคนแจกมาให้ ด้วยความสงสารที่เห็นเวอร์เน่นั่งรถลากมาทั้งวัน ผมจึงปล่อยให้เธอไปนอนบนรถม้า (หรือรถหนูตะเภา) คันข้างๆ และใช้เวลาช่วงยังไม่ง่วงนอนนับดาวเล่น

Rubika Legend : อัจฉริยะรูบิคข้ามมิติWhere stories live. Discover now