บทที่ 5 : สหายใต้เงาจันทร์
นานแค่ไหนก็ไม่รู้แล้วที่ต้องนั่งอยู่คนเดียวในความมืด รอบกายมีเพียงสีดำสนิท เหมือนค่ำคืนที่ฟ้าไร้แสงดาวเดือน แต่แม้จะอยู่ในสภาวะเช่นนั้น ผมก็ยังคงสามารถมองเห็นร่างกายตนเองได้ตามปกติ ในตอนแรกก็คิดว่าไม่มีใครอยู่ที่นี่เลยสักคน จนกระทั่งมีเสียงหนึ่งดังแว่วมา ทั้งสุ้มเสียงและสำเนียงฟังดูคุ้นหู แต่เมื่อรู้ว่าเป็นเสียงของใครแล้ว มันกลับกลายเป็นเสียงที่ผมไม่อยากได้ยินที่สุด
"ทำไมนายทำแบบนั้นกับเวอร์เน่" เสียงทวงถามดังขึ้นไม่ไกลนัก แต่ก็มองไม่เห็นตัวผู้พูด
ผมเลือกจะนิ่งเงียบ ด้วยรู้ดีว่าอีกฝ่ายแค่อยากหาเรื่องเท่านั้น เจ้าของคำถามมักจะคิดตรงกันข้ามกับผมโดยสิ้นเชิง ถึงแม้จะปรากฏตัวออกมาไม่บ่อย แต่การมาถึงของเขาในแต่ละครั้งมักสร้างความปวดเศียรเวียนเกล้าให้เสมอ
ความสงบถูกทำลายลง เมื่อมีสองมือโผล่ออกมาจากเงามืด ปลายนิ้วพุ่งเข้าหาคอเสื้อยืด ช้อนจับแล้วกำไว้แน่นจนผมรู้สึกแสบท้ายทอย พอเงยหน้ามองก็เห็นภาพคล้ายผงขี้เถ้าถูกลมพัดฟุ้งกระจาย สิ่งที่เคลื่อนตัวออกมาหลังฝุ่นนั้นปลิวหายไป คือส่วนต่อของแขนและร่างกายที่เหลือของเจ้าของมือ
พอสบตามองกันตรงๆ ก็รู้สึกราวกับกำลังส่องกระจกดูเงาสะท้อนของตัวเอง ทั้งผมสีน้ำตาลอ่อนซึ่งตอนนี้ยาวจนถึงคอ ใบหน้าซังกะตาย หรือจะเป็นหนังตาที่หรี่ลงราวหนึ่งในสามอยู่ตลอดเวลา ลักษณะทั้งหมดนี้ดูยังไงก็เป็นผมชัดๆ หากจะมีอะไรที่ต่างไปก็คงจะเป็นมุมมองความคิด ซึ่งแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
"ฉันถามว่าทำไม!" ผมอีกคนหนึ่งตะโกนถามซ้ำพร้อมออกแรงดึงคอเสื้อให้มากขึ้น
"นั่นมันเรื่องของฉัน" ผมยืดตัวลุกขึ้นอย่างทุลักทุเลขณะตอบคำถาม
ESTÁS LEYENDO
Rubika Legend : อัจฉริยะรูบิคข้ามมิติ
Fantasía"ไนท์" ถูกส่งตัวข้ามมิติไปอย่างไม่เต็มใจ ต้องสูญเสียความทรงจำแทนค่าเดินทาง ซ้ำยังได้ความพิการเป็นเงินทอน เด็กหนุ่มจะทำอย่างไรต่อไป เมื่อสิ่งที่เหลือไว้มีเพียงความเร็วบนปลายนิ้ว