หลังเดินทางเพียงไม่กี่นาทีผมกับทุกคนก็มาถึงหน้าห้องพิจารณา ตรงกลางระหว่างเสาหินทรายรูปสิงโตยืนด้วยขาหลังคือประตูไม้บานคู่สีอำพันขนาดใหญ่ มีอาจารย์สองคนที่ผมไม่เคยเห็นหน้ายืนประจำเหมือนเป็นยามรักษาการณ์ แต่ละคนมีรูบิก้าสีฟ้าและส้มเตรียมพร้อมอยู่ในมือแต่ละข้าง ทั้งคู่มองหน้าผมกับเวอร์เน่ช่วงสั้นๆ จากนั้นจึงใช้รูบิก้าสีฟ้าเสียบเข้าไปในช่องใกล้เท้าของรูปปั้นด้านหลัง ลำแสงสีเขียวฉายวาบในดวงตาราชสีห์ตามด้วยเสียงการปลดล็อคต่อเนื่องสี่ครั้งก่อนที่ประตูจะเปิดออก
"เชิญทุกท่านเข้าไปได้" หนึ่งในผู้เฝ้าประตูพูดเบาๆ พร้อมผายมือไปยังทางเดินบนพรมลวดลายแปลกตา
เดินเข้าไปได้ไม่กี่ก้าวเวอร์เน่ก็ทำหน้าเบ้ ส่วนผมไอออกมาเบาๆ เพราะกลิ่นฉุนอับภายในนั้น ลายสลักรูปต้นไม้, เถาวัลย์ และสัตว์ประหลาดต่างๆ ถูกประดับไว้บนผนังตลอดทางเดินแคบๆ ส่วนพรมตรงพื้นเป็นภาพการรบกลางสมรภูมิบนผืนผ้าสีน้ำตาล ลายสลับสีแดงคือสีซึ่งถูกปักลงบนกองเลือดผู้วายชนม์ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงไม่มีใครอยากล่วงล้ำเข้ามาภายในนี้ ทุกอย่างที่เห็นภายใต้แสงสีเขียวสลัวจากคบเพลิงสองข้างสร้างความน่าสะพรึงกลัวทุกย่างก้าว ถึงจะเตรียมใจมาแล้วก็ตาม ผมก็ยังถึงขั้นเหงื่อตก ส่วนเวอร์เน่นั้นยิ่งแย่กว่า เธอตัวสั่นกอดแขนผมแน่นจนมันปวดไปหมด
ปลายทางของพรมแดงคือห้องพิจารณาประจำโรงเรียน จุดกำเนิดแสงภายในนี้ถูกติดตั้งอยู่บนเพดานโถง ปากซึ่งอ้าอยู่ของหินสลักรูปหน้าสิงโตยักษ์มีลูกไฟขนาดเล็กเผาไหม้อยู่ภายใน ที่ส่วนลึกสุดของห้องผมมองเห็นแท่นตัดสินทำจากไม้สีน้ำตาลเข้มขัดเงา มันมีลักษณะคล้ายกับแท่นรับเหรียญรางวัลของนักกีฬาทว่าส่วนล่างทั้งซ้ายขวานั้นสูงเท่ากัน บุคคลที่นั่งอยู่ด้านหลังสิ่งนั้นคือคณะผู้ดูแลโรงเรียนอันประกอบไปด้วยคณาจารย์อาวุโสสี่ท่านและผู้นำสูงสุด ท่านอาลามัสนั่นเอง
BINABASA MO ANG
Rubika Legend : อัจฉริยะรูบิคข้ามมิติ
Fantasy"ไนท์" ถูกส่งตัวข้ามมิติไปอย่างไม่เต็มใจ ต้องสูญเสียความทรงจำแทนค่าเดินทาง ซ้ำยังได้ความพิการเป็นเงินทอน เด็กหนุ่มจะทำอย่างไรต่อไป เมื่อสิ่งที่เหลือไว้มีเพียงความเร็วบนปลายนิ้ว