ผ่านมาไม่ถึงอาทิตย์ ผมก็สามาถสืบเรื่องราวของลุงหัวหงอกจนได้รู้ว่าแกมีอาชีพเป็นคนเก็บของเก่าตามที่ต่างๆไปขาย แกมักจะปั่นซาเล้งเข้าๆออกๆที่โน่นที่นี่อยู่บ่อยๆ คนแถวนี้มักจะเห็นแกจนคุ้นเคยเป็นประจำ แต่ก็ไม่ค่อยมีใครอยากจะคุยกับแกนัก เพราะแกมักจะดื่มเหล้าจนเมามายเป็นประจำ บางวันเมาขนาดหนักก็ยังฝืนปั่นซาเล้งไปตามถนนใหญ่จนไปเฉี่ยวชนกับรถต่างๆที่วิ่งอยู่ไปมาก็หลายครั้ง แต่แกก็ไม่เคยเป็นอะไรหนักหนาสาหัส ส่วนเจ้าของรถต่างๆที่ถูกแกเฉี่ยวชนนั้นก็มักจะไม่ค่อยเอาเรื่องเอาราวกับแก แถมบางทียังได้ของแถมจากแกเป็นคำด่าเอ็ดตะโลอย่างไม่เกรงหน้าอินทร์หน้าสีกากีใดๆทั้งสิ้น
ชาวบ้านแถวนี้ว่าแกมีอาการทางประสาท เพราะเสียใจขนาดหนักที่ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของแกคนเดียวต้องมาตายจากไป นั่นเป็นเหตุการณ์ที่ผ่านมาได้ราวๆสิบปีแล้ว
"ชื่อของแกคือ ตาเมี้ยน" เจ๊ร้านขายของชำแห่งหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลจากแถวนั้นเล่า "แต่ก่อนแกเคยเป็นคนมั่งมีระดับหนึ่ง ไม่ได้ดูยากจนอนาถาอย่างที่เห็นทุกวันนี้นะ แกเคยมีร้านค้าข้าวขนาดใหญ่อยู่ทางฟากขโน้นแน่ะ ตรงที่มีทาวเฮ้าส์เรียงติดกันหลายๆหลังตรงโน้นน่ะแหล่ะ ร้านนั้นแกได้เป็นมรดกตกทอดมาจากพ่อแม่บุญธรรมของแกอีกที แต่ปัจจุบันนี้ก็ไม่ใช่ของตาเมี้ยนแกแล้ว เจ๊มานึกถึงเรื่องราวของแกแล้วก็ว่าน่าสงสารแกอยู่เหมือนกันนะ..." เจ๊แกเล่าแล้วก็เอียงคอเหมือนกำลังนึกถึงเรื่องราวในหนหลัง
"แล้วยังไงต่อครับเจ๊ ?" ผมกระตุ้นแกให้เล่าต่อไป
"พอหลังจากลูกชายคนเดียวของแกต้องมาตายไปแล้ว ชีวิตของแกก็เริ่มตกต่ำ แกเริ่มกินเหล้าขนาดหนัก งานการในร้านก็ทิ้งขว้างแทบไม่สนใจ ลูกค้าต่างๆของแกก็หายไปเรื่อยๆ ลูกน้องลูกจ้างของแกที่เคยมีหลายคนก็ทยอยออกไปเรื่อยๆเพราะอยู่ไปก็ไม่มีหลักประกันว่าจะได้ค่าจ้างหรือเปล่า จากนั้นไม่นานหนี้สินของแกก็พอกพูนขึ้นเป็นลำดับ ตาเมี้ยนแกก็ขายสมบัติทิ้งไปเรื่อยๆ แต่ก็ยังไม่พอใช้หนี้นะ สุดท้ายร้านและสมบัติของแกที่เหลืออยู่ก็ถูกยึดไปจนหมด เฮ้อ... ชีวิตคนเรานี่นะ..." เจ๊เล่าแล้วก็ถอนใจ
"ครับ แล้วต่อจากนั้นแกอยู่กินยังไงครับ ?" ผมถาม
"พอดีมีญาติผู้หญิงคนหนึ่งที่เป็นญาติฝ่ายข้างพ่อเดิมของแกสงสารแก ก็เลยให้แกไปอยู่ที่บ้านด้วย แถวๆซอยวัดคู้บอนน่ะเธอ แต่อยู่ได้ไม่นานเท่าไรก็สร้างความอิดหนาระอาใจให้กับคนในบ้าน โดยเฉพาะผัวของญาติผู้หญิงไม่พอใจแกอย่างมากที่วันๆแกเอาแต่กินเหล้าเมามาย ไม่ยอมช่วยงานการอะไรทั้งสิ้น"
เจ๊หยุดไปนิดหนึ่งแล้วก็เล่าต่อ "พวกเขาก็เลยให้แกไปอยู่ท้ายสวนหลังบ้าน ซึ่งมีกระต็อบเล็กๆอยู่หลังหนึ่งพอให้ซุกหัวนอนแล้วก็บอกให้แกหากินเอง แต่ญาติผู้หญิงคนนั้นก็ยังอดสงสารแกไม่ได้ก็เลยแวะเวียนไปดูเรื่อยๆพร้อมทั้งเอาข้าวปลาอาหารไปให้แกกินอยู่เป็นระยะๆ และก็เตือนแกอยู่เสมอว่าอย่าไปเที่ยวหาเหล้ากินจนเมามายเดี๋ยวจะไปทำคนอื่นเขาเดือดร้อน แต่สุดท้ายห้ามไปก็แค่นั้น" เจ๊เล่าแล้วก็ส่ายหัว
"ครับ แล้วตอนหลังแกก็มาปั่นซาเล้งหาของเก่าไปขายหรือครับ ?"
"ใช่ ดูเหมือนแกจะมาละอายใจอยู่บ้างในตอนหลัง ก็เลยเริ่มเก็บของเก่าตามที่ต่างๆไปชั่งกิโลขาย แต่ก็ยังเลิกติดเหล้าไม่ได้อยู่ดี"
หลังจากที่ได้รู้เรื่องราวของลุงหัวหงอกในระดับหนึ่งแล้ว ผมก็เลยอยากจะได้ข้อมูลต่อในเรื่องของต้นโพธิ์ริมทางและบ้านผีสิงที่ผมอยู่ ดูซิว่าเจ๊แกจะเล่าอะไรให้ผมฟังบ้าง เผลอๆผมอาจจะเชื่อมต่อเรื่องราวได้ทั้งหมดหลังจากที่ฟังเจ๊แกเล่าให้ฟังโดยไม่อั้นในวันนี้เลยก็ได้
"เจ๊ครับ..." ผมเริ่มเข้าประเด็น "ผมเคยเห็นลุงหัวหงอก เอ้อ... ตาเมี้ยนคนนี้ไปยืนคุยกับต้นโพธิ์ริมทางตรงโน้นด้วยนะครับ แกเพี้ยนไปแล้วหรือว่า..."
แล้วเจ๊แกก็ตบอกผลุง !
"อั๊ยย่าาา...!" เจ๊อุทานแล้วก็ทำตาเหลือก หันมาจ้องหน้าผมทันที...
BẠN ĐANG ĐỌC
สืบสู้ผี (ภาค 1 -2 )
Bí ẩn / Giật gânนิยายเรื่องนี้เคยลงไว้ที่เว็บอื่นมาบ้าง เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องสยองขวัญซะทีเดียว แต่เป็นเรื่องของการสืบค้นเรื่องลึกลับของวิญญาณ พูดได้ว่าอาจจะเป็นแนวนักสืบประเภทจิตวิญญาณก็ว่าได้ครับ (เรื่องย่อ) กิตติเป็นนักเขียนอิสระและคอลัมนิสต์ในสำนักพิมพ...